ไม่พบผลการค้นหา
สหรัฐฯ เกรงว่ารัสเซียอาจเตรียมการใช้อาวุธเคมีในยูเครน หลังจากรัสเซียได้ออกมากล่าวหาสหรัฐฯ โดยไม่มีหลักฐานว่า สหรัฐฯ มีการให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาอาวุธชีวภาพในยูเครน ซึ่งตะวันตกชี้ว่าอาจเป็นการใช้วาทกรรมปูทางไปสู่การโจมตีด้วยวิธีการดังกล่าวของรัสเซียในยูเครน

เจน ซากี โฆษกประจำทำเนียบข่าวระบุว่า รัสเซียได้สร้าง “ข้ออ้างที่ไม่เป็นความจริงจากข้อกล่าวหาต่อสหรัฐฯ ว่ามีการพัฒนาห้องทดลองอาวุธชีวภาพและอาวุธเคมีในยูเครน” ก่อนที่ซากีจะชี้ว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวจากรัสเซียต่อสหรัฐฯ ได้รับการประโคมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในจีนด้วยเช่นกัน

“ในตอนนี้ รัสเซียได้สร้างข้อกล่าวอ้างผิดๆ และดูเหมือนว่าจีนได้ส่งเสริมโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าว เราควรจะจับตาไปยังรัสเซีย ถีงโอกาสความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้อาวุธเคมีหรือชีวภาพในยูเครน หรือการทำปฏิบัติการณ์ธงนำอันเป็นเท็จที่จะใช้อาวุธดังกล่าว” ซากีทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์ส่วนตัว

ความเห็นของซากีเกิดขึ้นหลังจากที่มีเจ้าหน้าที่ของพันธมิตรตะวันตกชี้ว่า “เรามีเหตุผลที่ดีที่จะกังวลได้ว่าอาจมีความเป็นไปได้ในการใช้อาวุธแบบไม่ธรรมดา” โดยรัสเซีย หลังจากเคยมีรายงานการใช้อาวุธเคมีในสงครามกลางเมืองซีเรียที่รัสเซียเข้าไปให้การสนับสนุนเพื่อกำจัดฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ

ความกังวลของสหรัฐฯ ยิ่งทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้ออกมา “สร้างฉาก” ในการอ้าง “ข้อกล่าวหาชูธงนำแบบผิดๆ” เกี่ยวกับปฏิบัติการโครงการอาวุธชีวภาพในยูเครน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเกรงว่าการกล่าวหาซ้ำๆ จากทางรัสเซียจะเป็นการปูทางความชอบธรรมเพื่อการใช้อาวุธชีวภาพและอาวุธเคมีต่อยูเครนในอนาคตโดยรัสเซีย

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (9 มี.ค.) มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้ออกมาระบุว่า ทางการรัสเซียมีเอกสารที่พบหลักฐานว่าสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนโครงการอาวุธชีวภาพในยูเครน ซึ่งมีการใช้เชื้อกาฬโรค อหิวาตกโรค และแอนแทรกซ์ ในขณะที่สหรัฐฯ และยูเครนออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยซากีอธิบายว่าข้ออ้างดังกล่าวของรัสเซียนั้น “น่าขัน”

อีกด้านหนึ่ง กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมากล่าวหา “กลุ่มชาตินิยมยูเครน” ว่ามีการเตรียมความพร้อมในการใช้อาวุธเคมีเพื่อ “การยั่วยุ” ในหมู่บ้านแถบตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองคาร์คิฟ โดยแผนการดังกล่าวนั้น  กระทรวงกลาโหมรัสเซียชี้ว่าเป็นไปเพื่อการกล่าวโจมตีว่ารัสเซียได้ใช้อาวุธเคมีในยูเครน

สหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนเมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่า รัสเซียอาจมีการโจมตีที่รุนแรง และเลือกใช้อาวุธที่มีอนุภาพความรุนแรงที่สูงมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น ระเบิดสุญญากาศที่รัสเซียนำมาใช้โจมตียูเครน โดยตัวระเบิดจะส่งผลความรุนแรงต่อร่างกายของมนุษย์รุนแรงกว่าระเบิดทั่วไป

ในตอนนี้ รัสเซียได้ทำการโจมตีเมืองคาร์คิฟและมารีอูปอลของยูเครนอย่างหนัก จนส่งผลให้มีพลเรือนยูเครนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงอาคารบ้านเรือน โรงพยาบาล โรงเรียน ตลอดจนโบสถ์ ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดอย่างรุนแรง 

องค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) ระบุว่า มีการใช้อาวุธเคมีกว่า 17 ครั้งในสงครามกลางเมืองซีเรีย ที่มีรัสเซียคอยให้การหนุนหลังรัฐบาลของ บาชาร์ อัล-อัสซาด เผด็จการซีเรีย ผู้ที่ทำการปราบปราบประชาชนของตนเองด้วยอาวุธดังกล่าว โดยรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการให้การสนับสนุนการใช้อาวุธเคมีต่อรัฐบาลซีเรียอย่างไม่มีหลักฐานสนับสนุนมาโดยตลอด

ชาติตะวันตกลงความเห็นว่า รัสเซียไม่สามารถบุกยึดยูเครนได้ตามแผน และการรุกรานยังคงทำได้ช้ากว่าที่เคยมีการคาดการณ์เอาไว้ และด้วยเหตุดังกล่าวจึงอาจส่งผลให้รัสเซียเลือกใช้วิธีการโจมตียูเครนที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเป้าหมายของรัสเซียในตอนนี้ คือการบุกยึดยูเครนทั้งประเทศ รวมถึงกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนด้วยเช่นกัน

ที่มา:

https://www.theguardian.com/world/2022/mar/09/britain-fears-russia-could-be-setting-stage-to-use-chemical-weapons?CMP=Share_iOSApp_Other&fbclid=IwAR1V2VL9F5xqnxTMBFmwbU_cQksJdAx-T200xrx9UOd_JKBPIhT_fU6fHI0

https://www.bbc.com/news/uk-60683248