เดเวโรซ์ระบุกับสำนักข่าว ABC News ว่า เขากัดเปลือกตาจระเข้เพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอด หลังจากเขาถูกจระเข้ตัวนั้นจู่โจมที่บริเวณทะเลสาบบิลลาบอง ในขณะที่เขากำลังเดินทางไปสร้างรั้วใกล้แม่น้ำฟินนิสเมื่อเดือนที่แล้ว
เดเวโรซ์หยุดอยู่ริมทะเลสาบหลังจากเขาสังเกตเห็นปลาว่ายอยู่กลางน้ำ หลังจากนั้น เขาได้ก้าวออกที่น้ำ ก่อนที่จระเข้จะ "งาบ" เข้าที่เท้าขวาของเขา และเริ่มสะบัดเขาเหมือนเป็น "ตุ๊กตาเศษผ้า" หลังจากนั้น มันได้ดึงเขาลงน้ำไป ทั้งนี้ เดเวโรซ์บอกกับ ABC News ว่า เขาพยายามเตะจระเข้ที่ซี่โครงด้วยเท้าอีกข้างของเขาก่อน ก่อนที่เขาจะกัดมันกลับ
“ผมอยู่ในท่าที่ทุลักทุเลมาก… แต่บังเอิญฟันของผมกัดไปที่เปลือกตาของมัน มัน (เปลือกตาจระเข้) ค่อนข้างหนาเหมือนกับหนัง แต่ผมสะบัดเปลือกตาของมันกลับ แล้วมันก็ปล่อย ผมกระโดดและก้าวขากว้างๆ ออกไป จนถึงจุดที่รถของผมจอดอยู่ มันไล่ตามผมไปประมาณ 4 เมตร แต่แล้วก็หยุด” เดเวโรซ์กล่าว
เดเวโรซ์กล่าวเสริมว่าเขาใช้ผ้าเช็ดตัวและเชือกรัดเพื่อห้ามเลือดที่ขา ก่อนที่พี่ชายของเขาจะขับรถพาเขาขึ้นไปทางตอนเหนือประมาณ 130 กิโลเมตร ไปยังโรงพยาบาลรอยัลดาร์วิน
“ถ้ามัน (จระเข้) กัดผมที่อื่น ผลลัพธ์คงจะแตกต่างออกไป” เดเวโรซ์กล่าว “หมายความว่าผมต้องเปลี่ยนสิ่งที่ผมทำ ผมเดินไปรอบๆ หนองน้ำนั้นนานเกินไปเพื่อซ่อมรั้วและใช้ชีวิตไปตามปกติ แต่มันก็ทำให้ผมตาสว่างเลย”
ตามการรายงานของรัฐบาลท้องถิ่นระบุว่า จระเข้เป็นพื้นฐานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สำคัญในนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี และพวกมันได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย โดยจระเข้เหล่านี้ยังได้รับการพิจารณาว่ามีความน่าสนใจในทางวิทยาศาสตร์ และเป็นที่น่าสนใจของมนุษย์อย่างมาก รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณค่าของพื้นที่
ก่อนหน้านี้ มีการโจมตีของจระเข้ครั้งร้ายแรงสุดท้ายเกิดขึ้นในเดือน เม.ย.ของปีนี้ บริเวณแม่น้ำเคนเนดีในคาบสมุทรเคปยอร์ก รัฐควีนส์แลนด์
ที่มา: