นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “Outlook of Digital Asset in Thailand: ทัศนียภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยและแนวโน้มสินทรัพย์ดิจิทัล” ในงาน Chain and Champagne โดย Binance TH โดยมีนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) นายนิรันด์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลเข้าร่วมด้วย
นายจุลพันธ์กล่าวว่าภายหลังที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้ราคาบิทคอยน์พุ่งสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 94,000 ดอลลาร์ นั่นหมายถึงศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะเป็นตลาดทางเลือกในการลงทุนให้แก่ประชาชน โดยล่าสุดรัฐบาลได้มีการอนุมัติโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment token) ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพื่อยกระดับมาตรฐานการลงทุนในไทยให้เทียบเท่าระดับสากล อีกทั้งยังส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมด้านการเงินและเทคโนโลยีในตลาดทุน
นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่ารัฐบาลยังให้ความสำคัญในเรื่องของ Digital literacy เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และถือเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของประชาชน สังคมมีความเปลี่ยนแปลงไปด้วยเทคโนโลยี ดังนั้นการทำให้ประชาชนสามารถปรับตัวให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นเรื่องจำเป็นโดยเฉพาะในภาคของเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลพยายามผลักดันเรื่องนี้ผ่านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่ตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลในกลุ่มประชาชนและผู้ที่ยังไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยี ตลอดจนในเรื่องของ Financial literacy เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการลงทุนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
นายจุลพันธ์กล่าวย้ำว่า การได้มาร่วมงานในครั้งนี้ถือเป็นการมาให้คำสัญญาว่ารัฐบาลจะมอบโอกาสและทำให้การลงทุนในภาคสินทรัพย์ดิจิทัลง่ายขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาค พร้อมย้ำแนวคิดที่รัฐบาลและภาคเอกชนเป็นพาร์ทเนอร์กัน โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้ตลาดนี้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
'สุดท้ายรัฐบาลยังมีความหวังว่าอาจจะเห็น NFT ของไทยหรือสินทรัพย์ดิจิทัลสัญชาติไทยที่สามารถไปโลดแล่นในเวทีโลก รวมถึงการเป็นยูนิคอร์น (Unicorn) ใหม่ๆ ที่สามารถสร้างมูลค่ามหาศาลทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้ในอนาคต' นายจุลพันธ์กล่าว