นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขประกาศภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ เรื่อง เทศกาลภาพยนตร์ระหว่างประเทศที่นำภาพยนตร์ออกฉายได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาต เพื่ออำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนดำเนินการให้แก่ผู้ขอจัดเทศกาล ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.)
โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม(สวธ.)เสนอร่างประกาศฯฉบับปรับปรุงที่สวธ.ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเนื้อหามีสาระสำคัญ เช่น กำหนดให้ผู้ขอจัดเทศกาลรายใหม่สามารถขอแนบท้ายประกาศผ่านกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติเห็นชอบให้แนบท้ายประกาศได้ โดยไม่ต้องจัดเทศกาลภาพยนตร์ระหว่างประเทศต่อเนื่อง 2 ครั้ง และกำหนดให้ต้องยื่นคำขอล่วงหน้าก่อนการจัดเทศกาลภาพยนตร์ระหว่างประเทศไม่น้อยกว่า 15 วัน และที่ประชุมมอบหมายสวธ.เสนอร่างประกาศฯฉบับปรับปรุงต่อรองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติพิจารณาลงนามต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบันมีรายชื่อเทศกาลภาพยนตร์ระหว่างประเทศแนบท้ายประกาศคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ จำนวน 12 เทศกาล
ประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้รับรายงานจากวธ.ในเรื่องการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ พ.ศ. 2551 โดยจัดทำร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และเกม พ.ศ. ..... ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และเกม พ.ศ. ….. ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และอุตสาหกรรมเกม โดยแยกเนื้อหาเกี่ยวกับภาพยนตร์และเกมออกเป็นคนละพระราชบัญญัติคือ ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. …..และร่างพระราชบัญญัติเกม พ.ศ. …..
นายสุริยะ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นวธ.ได้ประชุมเพื่อทบทวนกฎหมายและรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ พ.ศ. 2551 และนำร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. …..มารับฟังความคิดเห็นผ่านระบบกลางกฎหมาย ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2567 โดยคณะทำงานฯได้ประชุมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. …..ให้สอดคล้องกับข้อคิดเห็นและข้อเสนอที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็น รวมทั้งดำเนินการตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายพ.ศ.2562 เรียบร้อยแล้ว ส่วนร่างพระราชบัญญัติเกม พ.ศ. ….. นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. …..ตามที่วธ.เสนอ ซึ่งมีเนื้อหาทั้งหมด 7 หมวด เช่น การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ การกำกับดูแลภาพยนตร์ การประกอบกิจการภาพยนตร์ การสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักร รวมทั้งหมด 110 มาตรา โดยเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีสาระสำคัญ เช่น การนำระบบการรับรองตนเอง (Self-regulate system) ตามหลักเกณฑ์จัดระดับความเหมาะสมของเนื้อหาภาพยนตร์ ซึ่งภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกันกำหนดมาใช้แทนการตรวจโดยคณะกรรมการจากภาครัฐร่วมภาคเอกชน การจัดตั้งสภาอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งประเทศไทย เพื่อรวมกันของกลุ่มผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ การกำหนดสัดส่วนในคณะกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งชาติให้มีผู้แทนครอบคลุมทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชนและผู้ทรงคุณวุฒิ โดยลดจำนวนภาครัฐให้เหลือเท่าที่จำเป็นและให้มีผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งประเทศไทย เข้าร่วมเป็นกรรมการ เป็นต้น
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมมอบหมายวธ.และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาประเด็นทางกฎหมายตามข้อสังเกตของคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติในประเด็นต่างๆ เช่น การกำหนดองค์กรที่ทำหน้าที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ มาตรการในการกำกับดูแลภาพยนตร์หรือการสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยโดยพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม หลังจากนั้นนำเสนอร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. …..ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)และรัฐสภาเพื่อพิจารณาตามลำดับ รวมทั้งที่ประชุมมอบหมายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งรัดยกร่างพระราชบัญญัติเกม พ.ศ. …..และหารือกับวธ.เพื่อให้การดำเนินการจัดทำร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และเกมมีความสอดคล้องกัน
ประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการทบทวนหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข สำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยตามที่กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ซึ่งการทบทวนหลักเกณฑ์ดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ การปรับอัตราการคืนเงินให้แก่ผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศจากเดิมร้อยละ 15-20 เป็นร้อยละ 15-30 และยกเว้นการจำกัดวงเงินคืนต่อเรื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนในการขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์และขอรับสิทธิประโยชน์ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้สร้างภาพยนตร์และซีรีส์ที่มีเงินลงทุนสูง โดยที่ประชุมมอบหมายให้กรมการท่องเที่ยวเสนอการทบทวนหลักเกณฑ์ฯเพื่อขอความเห็นชอบต่อครม.ต่อไป