ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วน หลังสภาพัฒน์ฯ รายงานไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว รัฐบาลดำเนินนโยบายมาถูกทางแล้ว จีดีพีโตเพิ่มถึงร้อยละ 3.2 คาดการณ์ปีนี้ แนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนการพัฒนาทุกมิติของภาคใต้ นายกฯ สั่งการส่วนราชการเร่งดำเนินการให้เต็มที่

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ครั้งที่ 7 ประจำปี 2568 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย จังหวัด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร มีข้อสั่งการในการประชุมจากการลงพื้นที่ ดังนี้ 

1.การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ที่ผ่านมา และแนวโน้มปี พ.ศ. 2568 โดยสภาพัฒน์ฯ ระบุว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 4 ของ ปี 2567 มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงผลของมาตรการและนโยบายด้านเศรษฐกิจ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการตลอดมาในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น แต่การใช้กำลังการผลิตในประเทศ (Capital Utilization) ลดลง จึงขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันเร่งหามาตรการป้องกันปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด

2.การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและสงขลา จากการลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดพัทลุงและสงขลา ก่อนมาประชุม นายกรัฐมนตรีได้รับฟังปัญหาจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงขอสั่งการดังนี้

1) ให้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ เร่งหาแนวทางสนับสนุนการปลูกกล้วยสายพันธุ์ของพัทลุง และทุเรียนภูบรรทัด ทั้งในด้านส่งเสริมการเพาะปลูกให้แพร่หลาย รวมทั้งการหาตลาดรองรับผลผลิต เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าในชุมชนให้มากขึ้น

2) ในพื้นที่ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง มีศักยภาพสูงทั้งด้านการท่องเที่ยวและการประมง ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยทางจังหวัดและภาคเอกชน มีข้อเสนอให้ขุดลอกทะเลน้อย กำจัดวัชพืชต่าง ๆ ฟื้นฟูนิเวศ คืนธรรมชาติ พร้อมฟื้นการประมงและส่งเสริมอาชีพให้กับท้องถิ่น โดยขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้

- ให้กระทรวงทรัพยากรฯ ศึกษาและกำหนดแนวทาง พร้อมทั้งจัดเตรียมงบประมาณที่จำเป็นสำหรับดำเนินการ

- ให้กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมง และกระทรวงทรัพยากรฯ หามาตรการในการสนับสนุนและให้ความรู้ทางวิชาการอย่างถูกต้อง สำหรับการทำประมงในพื้นที่จังหวัดสงขลา เช่น การเลี้ยงปลาดุกนา ทั้งในส่วนของระบบการหมุนเวียนน้ำ และพันธุ์ปลา เพื่อยกระดับให้ประชาชนมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น

- ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้มากขึ้นด้วย

- ให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เร่งหามาตรการในการเพิ่มแสงสว่างให้กับสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง และไม่กระทบต่อระบบนิเวศ

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมชมกลุ่มบริษัท ไทยยูเนียน ที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกอาหารทะเลไปต่างประเทศ โดยมีข้อเสนอสำคัญ ที่จะขอให้กรมประมง ส่งเสริมการวิจัยพัฒนาพันธุ์กุ้งอย่างจริงจัง ฟื้นฟูความเข้มแข็ง ด้านการเลี้ยงกุ้งเพื่อการส่งออก ที่ไทยเคยเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกครั้ง

ส่วนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีสั่งการว่า สำหรับตัวเมืองจังหวัดสงขลามีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยวเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ (Cruise) ขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งศึกษาการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญ และขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมกับท้องถิ่น พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของแหล่งท่องเที่ยว เช่น ในเมืองเก่าสงขลา อ.หาดใหญ่ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ  โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นเจ้าภาพในการเป็นศูนย์กลางการประสานหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะลงมาร่วมพัฒนาด้วย