"ผมมาที่นี่เพื่อสร้างความตระหนักรู้ว่าน้ำในทะเลสาบเดดซีกำลังเหือดหายไปจริงๆ และทำให้โลกหันมาสนใจกับหายนะทางระบบนิเวศน์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน" สเปนเซอร์ ทูนิก ศิลปินชื่อดังจากนิวยอร์กกล่าว

บอดี้เพนท์สีขาวบนเรือนร่างของผู้ที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะทั้ง 200 คนคือสัญลักษณ์ของ 'แท่งเกลือ' สื่อถึงการก่อร่างของเกลือแร่ที่อยู่ในทะเลสาบเดดซี ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีความเข้มข้นของเกลือมากกว่าทะเลปกติราว 9 เท่า ทำให้เราสามารถลอยน้ำได้โดยไม่ต้องมีตัวช่วย

อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปกติมากกว่า 420 เมตร ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำมาก มากกว่าขนาดของตึกที่สูงที่สุดในไทยอย่างตึกมหานครที่สูง 314 เมตร และตึกใบหยกที่สูงเพียง 302 เมตรเท่านั้น

ธรรมชาติและมนุษย์ต่างมี ‘ความเปราะบาง’ ไม่ต่างกัน

“การเชื่อมโยงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับเนื้อหนังมังสาของมนุษย์ และวางเคียงข้างให้เห็นกันชัดๆ แสดงถึงความเปราะบางของร่างกายเมื่อต้องปะทะกับธรรมชาติได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติเองก็เปราะบางอย่างมากเมื่อต้องเผชิญกับร่างกายของเรา เพราะมนุษยชาติสร้างผลกระทบให้กับมหาสมุทรได้และต่างก็มีความเปราะบางไม่ต่างกัน ซึ่งภาพนี้จะนำไปสู่การสร้างบทสนทนาในสังคม” ทูนิกอธิบายกับ CNN

ทูนิก คือศิลปินชื่อดังที่สร้างผลงานมาแล้วมากมาย มีซิกเนเจอร์หลักคือการรวมตัวผู้คนร่างกายเปลือยเปล่าในพื้นที่สาธารณะเพื่อสร้างผลงานภาพถ่ายที่สะท้อนถึงจุดประสงค์อะไรบางอย่างที่เขาต้องการสื่อสารให้โลกได้รับรู้ โดยก่อนหน้านี้ผลงานที่เป็นที่จดจำคือการถ่ายภาพศิลปะนู้ดของฝูงชน ณ ‘ธารน้ำแข็ง’ ขนาดใหญ่ที่กำลังค่อยๆ หายไปเพราะวิกฤตโลกร้อนในสวิตเซอร์แลนด์

และผลงานที่ผู้คนมากมายบนขั้นบันไดอันใหญ่โตของ ‘ซิดนีย์ โอเปร่า เฮาส์’ ขณะที่ก่อนหน้านี้เขาก็เคยสร้างผลงานที่ ‘ทะเลสาบมรณะ’ แห่งนี้มาแล้วในปี 2554 และ 2559 และผลงานครั้งล่าสุดนี้ก็ได้รับการสนับสนุนโดยกระทรวงการท่องเที่ยวของอิสราเอล

ทะเลสายเดดซีหายไปแล้วมากกว่า 1 ใน 3

ทั้งนี้ ‘ทะเลสาบเดดซี’ หรือ ‘ทะเลสาบมรณะ’ มีพื้นที่ 1,020 ตร.กม. ตั้งอยู่ที่พรมแดนของจอร์แดน อิสราเอล และปาเลสไตน์ ประสบกับวิกฤติปริมาณน้ำลดมาอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยราวปีละ 1-1.5 ม. เหตุเพราะที่ตั้งที่เป็นทะเลทรายทำให้มีน้ำฝนตกถึงทะเลสาบเดดซีเพียง 65 มม.ต่อปี และน้ำในทะเลสาบเดดซีจะถูกผันมาจากแม่น้ำจอร์แดนเพียง 5%

ขณะเดียวกันประชากรโดยรอบก็ประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำ มีความต้องการใช้น้ำจากแม่น้ำมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปี 2500 ขนาดของทะเลสาบเดดซีลดลงไปแล้วมากกว่า 1 ใน 3 เลยทีเดียว