ไม่พบผลการค้นหา
'วรวงศ์ รามางกูร' ผู้ช่วย รมต.พาณิชย์ สวน 'ณัฐพงษ์' วัยรุ่นหลงยุค มองข้ามศักยภาพเทคโนโลยีโลกยุคใหม่ ย้ำกลยุทธ์ไลฟ์สดช่วยผลักดันส่งออกผลไม้ไทยได้จริง

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงกรณีที่ 'นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ' ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน แสดงความเห็นว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการขยายตลาดมากกว่าการไลฟ์สดขายสินค้าเกษตร

นายวรวงศ์กล่าวว่า “รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์มีแผนการบริหารจัดการผลไม้ไทยปี 2568 อย่างเป็นระบบ โดยวางไว้ 7 มาตรการ 25 แผนงาน ครอบคลุมเป้าหมาย 950,000 ตัน ซึ่งมีกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอยู่แล้ว ทั้งการเปิดตลาดใหม่ และการใช้ช่องทางออนไลน์อย่างการไลฟ์สดควบคู่กัน ไม่ใช่การเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ยืนยันการใช้ช่องทางออนไลน์ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในสถานการณ์ขณะนี้

การที่คุณณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แนะนำให้ใช้งบประมาณภาษีของประชาชนไปมุ่งเน้นการขยายตลาดในประเทศอินเดีย แทนการไลฟ์สดขายสินค้าทางออนไลน์ อาจสะท้อนถึงความเข้าใจที่ยังไม่ครบถ้วนต่อบริบทการดำเนินนโยบายเชิงกลยุทธ์ภายใต้งบประมาณที่มีข้อจำกัดของภาครัฐ ทั้งยังเป็นข้อเสนอที่มองข้ามข้อเท็จจริงในเชิงพฤติกรรมผู้บริโภคและโอกาสทางการตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ในปี 2567 ประเทศไทยส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 97.4% ของมูลค่าการส่งออกทุเรียนทั้งหมดของไทย คิดเป็นมูลค่า 1.348 แสนล้านบาท ส่วนอินเดียมีการนำเข้าทุเรียนจากไทยเพียง 0.00005% คิดเป็นมูลค่า 67,662 บาท ซึ่งชาวอินเดียไม่นิยมรับประทานทุเรียนเนื่องจากกลิ่นของทุเรียนมักเป็นสิ่งที่ชาวอินเดียหลายคนรู้สึกไม่ชอบ โดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นเคย คนอินเดียจำนวนมากจึงเลี่ยงผลไม้นี้ การขยายตลาดในประเทศอินเดียจึงไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น

ไทยส่งออกทุเรียนไปจีน 97.4% ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุด การหาตลาดเพิ่มกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งทำควบคู่กันอยู่แล้ว ทั้งในตลาดประเทศต่างๆ และ ในประเทศจีนที่ยังมีศักยภาพอีกมาก เพราะประชากรมาก ประกอบกับชาวจีนนิยมและชื่นชอบท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เป็นอย่างมาก การที่ท่านนายกรัฐมนตรีมาช่วยไลฟ์ขายทุเรียน ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการรับรู้ของผู้บริโภคจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตลาดแบบนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่เจาะตลาดได้ตรงจุด

นอกจากนี้ จากข้อมูลปี 2567 ประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึง 4.44 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้น 5.7% จากปีก่อนหน้า เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 18.58 ล้านล้านบาท เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนถึง 23.9% มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค

ในปี 2567 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์เคยจัดงานมหกรรมไลฟ์คอมเมิร์ส International Live Commerce Expo 2024 ที่นำกลุ่ม KOLs ชื่อดังจากประเทศจีน เข้ามาไลฟ์ขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นสินค้าไทยทั้งสิ้น จำนวน 5 วัน (ระหว่างวันที่ 25 ถึง 29 กันยายน 2567) โดยมีคำสั่งซื้อและยอดส่งออกไปจีนกว่า 4,300,000 ออเดอร์ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท เป็นอีกสิ่งยืนยันว่ากลยุทธ์การไลฟ์สินค้าไทยที่รัฐบาลเลือกใช้ในการขยายตลาดต่างประเทศเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมแล้ว

แม้คุณณัฐพงษ์จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนแสดงความเห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย

ในภาพรวม อยากให้พรรคฝ่ายค้านพิจารณาใช้พลังในการเสนอแนวทางเชิงสร้างสรรค์ เพื่อช่วยกันผลักดันประเทศในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มากกว่าการวิพากษ์วิจารณ์เพียงเพราะหวังผลทางการเมือง

ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ กรณีการเจรจาการค้าระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยกับผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มีการแจ้งล่วงหน้าอย่างเป็นทางการแล้ว แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องโดยไม่ฟังข้อเท็จจริง จนกระทั่งมีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนผ่านภาพถ่ายและคลิปวิดีโอการพบปะกับ Mr. Jamieson Greer ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา หรือ USTR ซึ่งควรสะท้อนให้เห็นถึงความรอบคอบที่ควรมีในบทบาทฝ่ายค้าน

ฝ่ายค้านยุคใหม่ ควรมีบทบาทในการร่วมแก้ไขปัญหาประเทศ ควบคู่กับการตรวจสอบรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ มิใช่เพียงตั้งคำถามหรือแสดงความเห็นในลักษณะที่ขาดข้อมูลและความเข้าใจที่เพียงพอ“

สุดท้าย นายวรวงศ์กล่าวย้ำว่า 'เราไม่ได้ปฏิเสธการขยายตลาดใหม่ๆ อย่างประเทศอินเดียหรือประเทศอื่นๆ แต่ต้องยอมรับว่าใช้เวลาและต้นทุนสูง ขณะที่การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล โดยเฉพาะการไลฟ์สด เป็นแนวทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน'