“ความเท่าเทียมทางเพศเริ่มเกิดช่องว่างมากขึ้น ในแนวทางปัจจุบัน องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติประเมินมาที่ตัวเลขซึ่งห่างออกไปอีก 300 ปี” กูเตอร์เรสกล่าวในสุนทรพจน์กลางสมัชชาใหญ่ ก่อนวันสตรีสากลในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ขณะที่เลขาธิการองค์การสหประชาชาติกล่าวเปิดการอภิปรายในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่นำโดยคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี
“สิทธิสตรีกำลังถูกล่วงละเมิด คุกคาม และละเมิดทั่วโลก” กูเตอร์เรสกล่าวเสริม พร้อมกันกับการกล่าวถึงวิกฤตต่างๆ เช่น การเสียชีวิตของแม่เด็ก เด็กผู้หญิงถูกไล่ออกจากโรงเรียน ผู้ดูแลเด็กถูกปฏิเสธการจ้างงาน และเด็กที่ถูกบังคับให้แต่งงานก่อนวัยอันควร
“ความก้าวหน้าที่ได้รับมาหลายทศวรรษกำลังหายไปต่อหน้าต่อตาเรา” กูเตอร์เรสกล่าว พร้อมระบุเน้นย้ำถึงสภาพที่เลวร้ายเป็นพิเศษในอัฟกานิสถาน ซึ่งถูกปกครองโดยกลุ่มตาลีบัน ที่ “ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงถูกลบออกจากชีวิตสาธารณะ”
กูเตอร์เรสไม่ได้ระบุชื่อประเทศอื่นโดยเฉพาะ แต่เลขาธิการองค์การสหประชาชาติเน้นย้ำว่า “ในหลายๆ แห่ง สิทธิทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิงกำลังถอยหลัง (และ) ในบางประเทศ เด็กผู้หญิงที่ไปโรงเรียนเสี่ยงต่อการถูกลักพาตัวและทำร้ายร่างกาย”
เลขาธิการองค์การสหประชาชาติยังกล่าวถึงอิหร่านโดยไม่ระบุชื่อประเทศ ซึ่งเป็นชาติที่ถูกขับออกจากคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรีเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ปีที่แล้ว ภายใต้การเปิดลงคะแนนเสียงที่นำโดยสหรัฐฯ ของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ เนื่องจากการปราบปรามการก่อจลาจลที่นำโดยผู้หญิงในอิหร่านแต่เดือน ก.ย.ปีที่แล้ว
“หลายศตวรรษของระบอบปิตาธิปไตย การเลือกปฏิบัติ และแบบแผนที่เป็นอันตราย ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเพศอย่างมากในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” กูเตอร์เรสกล่าว โดยยกตัวอย่างว่าผู้หญิงเป็นตัวแทนเพียง 3% ของผู้ได้รับรางวัลโนเบลในรางวัลแต่ละสาขา
เลขาธิการองค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้มี “การดำเนินการร่วมกัน” ทั่วโลกโดยรัฐบาล ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน เพื่อให้การศึกษาที่ตอบสนองต่อเพศสภาพ ปรับปรุงการฝึกอบรมทักษะ และลงทุนมากขึ้นในการ “เชื่อมสะพานของการแบ่งแยกเพศทางดิจิทัล”
“ระบอบปิตาธิปไตยกำลังต่อสู้โต้กลับ แต่พวกเราก็เช่นกัน” กูเตอร์เรสกล่าวเสริม “สหประชาชาติยืนหยัดเคียงข้างสตรีและเด็กหญิงทุกหนทุกแห่ง”
ที่มา: