ไม่พบผลการค้นหา
'ส.ส.โจ้ ​ยุทธพงศ์'​ ยัน!​ ซ้ำเติม-ใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน​ ย้ำ! นำเข้าสภา ซักฟอกรัฐบาลแน่​

ที่พรรคเพื่อไทย ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พร้อมด้วย จิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี และมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ ร่วมกันแถลง “เปิดหลักฐานเด็ด ยับยั้งการขึ้นค่าโดยสาร BTS”

ยุทธพงศ์​ กล่าวว่า​ การที่พลตำรวจเอกอัศวิน​ ขวัญเมือง​ ผู้ว่า​กทม.ยืนกรานที่ต้องขึ้นค่าโดยรถไฟฟ้าสายสีเขียว​ ทั้งสายเหนือคือช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และสายเขียวใต้​ ช่วงซอยแบริ่ง​ไปถึงตัวจังหวัดสมุทรปราการ​ เป็น​ 104 บาทตลอดสาย​ ระยะทาง 84 กิโลเมตรเฉลี่ยกิโลเมตรละ 1.23 บาท​ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์นั้น​ มีข้อพิรุธหลายอย่าง​ ทั้งเป็นการเอาประชาชนเป็นตัวประกัน และ ซ้ำเติมประชาชนด้านเศรษฐกิจ

ยุทธพงศ์​ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย​จะใช้ประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย​ แต่การนำออกมาเปิดเผย​ก่อน​ เพราะหากปล่อยให้ล่วงเลยไป ประชาชนจะเดือดร้อน​ ดังนั้น​ ตนจึงจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ รวมถึงผู้ว่าฯ​ กทม. ให้เช่ารอการขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวไว้ก่อนด้วย

ทั้งนี้นอกจากเสนอให้ชะลอการขึ้นค่าโดยสารภายใน​วันที่​ 16​ กุมภาพันธ์นี้ออกไปก่อนเพื่อไม่เป็นการซ้ำเติมประชาชนแล้ว​ ยังต้องยึดหลักว่ารถไฟฟ้าเป็นบริการสาธารณะไม่ควรคำนึงถึงกำไร​ ดังนั้น​ ค่าโดยสารต้องเหมาะสม​และประชาชนรับได้

ยุทธพงศ์ ระบุถึงสาเหตุที่ผู้เกี่ยวข้องอ้างการขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าว่า​ เพราะ​ต้องการเงินไปใช้หนี้บริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ​ BTS ที่รับจ้างเดินรถส่วนต่อขยายทั้งเหนือ-ใต้​ตั้งแต่ปี 2561​ จนถึงปัจจุบันเป็นเงินกว่า 8,000 ล้านบาท​ เนื่องจาก​กทม.ให้ประชาชนนั่งฟรี​นั้น​ เป็นการมัดมือชกประชาชนและยังมีปัญหาว่า กทม.เอาอำนาจอะไรมาให้ประชาชนนั่งฟรี แล้วกลับมาขึ้นค่าโดยสารทีหลัง

นอกจากนี้​ ช่องทางที่​ กทม.สามารถใช้หนี้ ได้นับแต่ปี​ 2561​ ที่​ กทม.ขอ​ให้ รฟม.​ซึ่งสังกัดกระทรวงคมนาคม รับโอนส่วนต่อขยาย โครงการรถไฟฟ้าสีเขียว​ รวม​​ 51,785 ล้านบาท​ มาให้​ กทม.บริหารเอง​ และพลตำรวจเอกอัศวิน​ ออกข้อบัญญัติ​กทม. ปี​ 2561​ เพื่อขอกู้เงิน​ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นคนค้ำประกัน และ​ ครม.อนุมัติ​แล้ว แต่ยังไม่ดำเนินการขอกู้​ ซึ่งล่วงมากว่า 3 ปี​แล้ว​ จึงมีคำถามว่าผู้เกี่ยวข้องอาจเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ด้วย

อีกทั้งมติ​ ครม.วันที่​ 30​ พฤศจิกายน​ 2561​ ข้อที่​ 6.1 ให้​ กทม.บริหารจัดการรายได้และตั้งงบประมาณของให้เพียงพอต่อการชำระหนี้ดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและพิจารณากำหนดค่าโดยสารให้เหมาะสมและสอดคล้องกับค่าครองชีพผู้ใช้บริการด้วย

ยุทธพงศ์​ ชี้ว่า​ การจะขึ้นค่าโดยสาร 104 บาทตลอดสายขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำ 300 กว่าบาทนั้นไม่ใช่ราคาที่เหมาะสม​ อีกอย่างคือ​ ราคาตลอดสายมี​ 70 กว่าสถานี​ แต่คนทั่วไปนั่งเพียงสูงสุดเพียง 12 สถานี​ จึงควรมีวิธีการคำนวณค่าโดยสารใหม่ด้วย​ โดยควรคำนวนราคาต่ำสุดถึงราคาสูงสุดแต่ละสถานี​ มาประกอบการพิจารณา กำหนดราคาค่าโดยสาร