ไม่พบผลการค้นหา
เปิดประชุมสภาฯ ซักฟอกวันแรก พปชร.ลุกประท้วงญัตติพาดพิงสถาบัน เตือนไม่อ่านข้ามดันญัตติไพบูลย์ชงศาล รธน. ด้าน 'ชวน' ย้ำอำนาจรับผิดชอบประธานสภาฯ ยกสมัย รบ.สมัครเคยซักฟอกแตะสถาบันได้ ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ ร่ายญัตติชำแหละ 10 รมต. ชี้ยุค 'ประยุทธ์' ทำคนจบชีวิตฆ่าตัวตาย

เวลา 09.45 น. วันที่ 16 ก.พ. 2564 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเรื่องด่วนญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 10 คน ซึ่ง สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ จำนวน 208 คน เป็นผู้เสนอ ทันที่ที่เปิดประชุม วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงกรอบเวลาในการอภิปรายวันนี้ ว่าเบี้องต้นกำหนดไว้คือ 16-19 ก.พ. และลงมติวันที่ 20 ก.พ. โดยฝ่ายค้านมี 42 ชั่วโมง ดังนั้นขอให้ฝ่ายค้านใช้เวลาการอภิปรายไม่น้อยกว่าวันละ 11 ชั่วโมง ส่วนของรัฐบาลเป็นปลายเปิด ทั้งนี้ได้เรียนกับรัฐมนตรีที่โดนอภิปรายให้ตอบเน้นเฉพาะเนื้อหาสาระในการแก้ข้อกล่าวหาที่เป็นประโยชน์ 

ทั้งนี้ วิรัช ระบุว่า แต่สุดท้ายได้มีการยืนยันญัตติเหมือนเดิม ดังนั้นเมื่อไม่มีการแก้ไขญัตติ วันนี้ขอให้อ่านข้ามญัตติที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทั้งหมดได้หรือไม่ เพื่อความเรียบร้อยของการอภิปราย แต่หากไม่มีการอ่านข้ามก็มีญัตติของ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นไว้เพื่อให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญค้างอยู่ 

'ไพบูลย์' เตือนแตะสถาบันในสภาฯ ชงศาล รธน.ตีความแบบ ทษช.

ขณะที่ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ หารือว่า ญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอนั้นมีปัญหา เพราะเกี่ยวข้องกับสถาบัน โดยฝ่ายค้านไม่ประสงค์จะแก้ไขญัตติ ตนจึงเสนอให้ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่า สภาฯมีอำนาจตามญัตติดังกล่าวหรือไม่ เพราะถือว่านำสถาบันไปเกี่ยวข้องกับการเมือง จะทำให้สภาฯ มีการอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์ พาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างกว้างขวาง จึงถือเป็นการกระทำต้องห้าม คล้ายกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ เมื่อปี 2562 ญัตตินี้ขัดคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีผลผูกพันทุกองค์กร ตนจะขอประท้วง จะไม่ยอมให้มีการอภิปรายพาดพิงสถาบันอย่างเด็ดขาด

สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ หารือว่า ก่อนหน้านี้ผู้นำฝ่ายค้านฯ รับปากว่าจะมีการแก้ไขญัตติ แต่ต่อมาปรากฎว่า กลับไม่มีการแก้ไขแต่อย่างใด โดยทราบว่าผู้นำฝ่ายค้านได้รับโทรศัพท์จากดูไบไม่ให้แก้ไขญัตติ วันนี้หากมีการกล่าวถึงสถาบัน ตนจะทำหน้าที่ปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักของประชาชนอย่างถึงที่สุด 

ชวน ศุภชัย อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐสภา   CC85755B-37C5-4D60-AAB8-E1F4FE771041.jpeg

'ชวน'ย้ำอำนาจประธานชี้ขาด ยกสมัย รบ.สมัคร เคยพูดสถาบันได้

ด้าน ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม ชี้แจงว่า ญัตติของฝ่ายค้าน ไม่มีข้อความใดที่ละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นการกล่าวหารัฐบาลอย่างรุนแรง แม้ไม่ปรับปรุงแก้ไขก็บรรจุให้อภิปราย เพราะถือว่าถูกต้องตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ใครจะประท้วงก็เป็นสิทธิ แต่ประธานจะเป็นผู้วินิจฉัย หากมีการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์จะถือว่าละเมิด และตกเป็นจำเลยของสังคม และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะฝ่ายค้านที่นำโดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยอภิปรายรัฐบาลของสมัคร สุนทรเวช ในทำนองเดียวกันนี้ และในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร จะต้องรับผิดชอบห้องประชุมและการอภิปรายอย่างมากที่จะต้องพิจารณาญัตติฯ ซึ่งหากในอนาคตศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าญัตติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ชวน ยืนยันว่าตัวเองก็จะต้องรับผิดชอบ และในฐานะที่สภาฯ ยึดหลักการปกครองในระบบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความสัมพันธ์ของอำนาจทั้งสองฝ่ายคือฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร มีโครงสร้างของการตรวจสอบ และเมื่อมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะไม่มีสิทธิที่จะประกาศยุบสภาได้ตามกฏหมายกำหนด 

"ส่วนตัวเป็นตัวแทนของประชาชนในกระบวนการประชาธิปไตย จึงรักและศรัทธาในระบบประชาธิปไตย เป็นระบบที่ให้โอกาสประชาชนเข้ามามีสิทธิ์เป็นตัวแทนปวงชนตัดสินใจต่ออนาคตบ้านเมือง และพร้อมรับคำติติงในการทำหน้าที่ และขออย่าทักท้วงให้เกิดเป็นการเสียเวลา เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบตามประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้" ชวน ระบุ

สมพงษ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐสภา .jpeg

ผู้นำฝ่ายค้านฯ อ่านญัตติชำแหละข้อหาซักฟอก 10 รมต.

จากนั้น สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยระบุว่าจากที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งได้ยื่นต่อท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา ขอกล่าวสาระสำคัญในญัตติดังกล่าว ดังนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหมบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด ๑๙ ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว ทั้งหมดเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของตนเอง มีการใช้อำนาจแลกผลประโยชน์ทำให้การทุจริตแพร่กระจายไม่ต่างจากโรคระบาด จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่การทุจริตเฟื่องฟู เบ่งบานมากที่สุด ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง ไม่มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ มุ่งประโยชน์แต่การสร้างความนิยมชมชอบให้กับตนเอง โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ สร้างความแตกแยกในสังคม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์และทำลายผู้เห็นต่าง ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันกระจายไปทั่ว ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การบริหารราชการแผ่นดินของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง

​​พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล     ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริต ต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง   ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

​​อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ และไร้ความสามารถ ไม่ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ ส่งผลให้มีการแพร่ระบาด  ในรอบสองอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ปกปิด อำพรางการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรค เพื่อเปิดช่องให้มีการทุจริต แสวงหาประโยชน์บนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ดำเนินนโยบายที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน

​​จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ บริหารราชการแผ่นดิน บกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ลอยตัวหนีปัญหา เลือกปฏิบัติ พูดอย่างทำอย่าง ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาล และไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมือง ที่ดี แต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ เข้ามาเพียงเพื่อแสวงหาประโยชน์   แก่ตนเอง และพวกพ้อง ในลักษณะแบ่งแยกหน้าที่กันทำ ทุจริตในหน่วยงานที่กำกับ มีพฤติกรรมฉ้อฉล ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูล ปกป้องการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ใช้อำนาจด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เสียสละ ไม่เปิดเผย และไม่มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม ผลของการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้หน่วยงานของรัฐในกำกับเกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างร้ายแรง

​​พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย บริหารราชการแผ่นดินโดยมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม  แต่กลับใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ เพื่อตนเองและพวกพ้อง ใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อวางแผนในการทุจริตอย่างเป็นระบบและแยบยล ปล่อยปละละเลยให้องค์กรในกำกับมีการทุจริตอย่างกว้างขวาง ใช้อำนาจด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เสียสละ ไม่เปิดเผย แต่กลับปกปิดการกระทำความผิดของตนและบุคคลแวดล้อม ไม่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่เคารพหลักการสิทธิมนุษยชน ละเว้นและบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ขาดวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำที่ดี ใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำในลักษณะกดขี่ข่มเหงข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีบุคคลหลายรายซึ่งเป็นพวกพ้องของตนเข้าสู่ตำแหน่ง และแสวงหาประโยชน์โดยการทุจริต มีพฤติกรรมฉ้อฉล ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูลเพื่อปิดบังการทุจริต ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ ไม่ยึดหลักนิติธรรม เลือกปฏิบัติ ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาล และไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน บริหารราชการผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้ใช้แรงงาน ไม่กำกับควบคุมผู้ใช้แรงงานต่างด้าวให้เป็นระบบ จนเกิดแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก สร้างผลกระทบอย่างชัดเจนต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนส่งผลเสียหายแก่ประเทศและเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างร้ายแรง ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีพฤติการณ์ใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนและพวกพ้อง สร้างความแตกแยกให้เกิดในสังคม ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังระหว่างผู้ที่เห็นต่าง ละเมิดหลักนิติรัฐ

​​ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม บริหารรราชการแผ่นดินโดยเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่เกิดกับประเทศชาติและประชาชน เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด เพื่อให้มีสิทธิดำเนินงานในกิจการของรัฐ โดยไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ทุจริตต่อหน้าที่และปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต  ในหน่วยงานที่กำกับดูแล สมคบกันเพื่อปิดบังการทุจริต ไม่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

​นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เป็นสำคัญ

​​ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่อง ล้มเหลวอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง โดยไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัด ปกปิดข้อมูลความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในการยื่นหรือการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล

กร่างเถื่อน และสร้างอิทธิพลให้กับบริวารและพวกพ้อง ปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ เสนอให้มีการแต่งตั้งคู่สมรสที่อยู่กินฉันสามีภรรยาเป็นข้าราชการการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวุฒิภาวะและความเหมาะสม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ​จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดบรรจุญัตตินี้ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาโดยด่วน ส่วนเหตุผลและรายละเอียดต่างๆ จะได้แถลงและชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

สมพงษ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐสภา  A-BA47CB7CE38C.jpeg

ย้ำเปิดหน้ากาก 'ประยุทธ์' ใช้อำนาจทำร้ายประชาธิปไตย-ประชาชน

สมพงษ์ อภิปรายว่า วันนี้เป็นวันที่จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นวันเริ่มต้นนับถอยหลังไปสู่จุดจบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 4 วันนับจากนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะเปิดเผยความไร้ประสิทธิภาพ ขลาดเขลา เบาปัญญาของผู้บริหารประเทศอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเปิดโปงการทุจริตฉ้อฉลของพล.อ.ประยุทธ์และคณะ และจะเปิดหน้ากากของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทำร้ายประเทศชาติบั่นทอนประชาธิปไตย และคุกคามเสรีภาพของประชาชน

"เวลา 6 ปี 8 เดือน 26 วัน ที่ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศนี้ ทั้งในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการรัฐประหาร และในฐานะนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญที่ถูกออกแบบเพื่อพลเอกประยุทธ์และพวกพ้อง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติพังพินาศ ประชาชนทุกข์ยากแสนเข็ญยิ่งกว่ารัฐบาลใดๆ ในรอบ 8 ทศวรรษ"

ซัดยุค 'ประยุทธ์' ทำคนจบชีวิต

ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ธุรกิจใหญ่น้อยล้มละลายทั่วทุกหัวระแหง ยิ่งกว่าวิกฤตเศรษฐกิจทุกครั้งที่ผ่านมารวมกัน ประชาชนมีความทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด อึดอัดคับข้องใจในชะตากรรมที่ต้องใช้ชีวิต ภายใต้การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์มากที่สุด และสุดท้ายต้องตัดสินใจจบชีวิตตัวเองมากที่สุด

สมพงษ์ ระบุว่า ผู้ชายคนหนึ่งสิ้นหวังในชีวิตเพราะตกงาน จึงพาบุตรสาวตัวน้อยพเนจรไปพึ่งพาวัดธรรมนิยม ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเมื่อทุกข์ที่สุดจนสุดจะทานทน ในวันที่ 19 เม.ย. 2563 เขาตัดสินใจโดดน้ำเพื่อหนีไปให้พ้นจากชีวิตที่มืดมน แต่ยิ่งน่าเศร้าใจ เมื่อบุตรสาววัย 5 ขวบร้องว่า “พ่ออย่าทิ้งหนู” แล้วกระโดดน้ำตามพ่อของเธอลงไป ในที่สุดจมน้ำตายทั้งพ่อลูก

”ผมอยากรู้จริงๆ ว่า ในใจ พล.อ.ประยุทธ์รู้สึกอย่างไร สะเทือนใจไปด้วยหรือไม่ ประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของพล.อ.ประยุทธ์ทุกข์ยากเช่นนี้ เขานอนหลับลงในแต่ละคืนได้อย่างไร เขายังยิ้มแย้มสำเริงสำราญได้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยทำตามสัญญาที่เขาให้ไว้เมื่อเกือบ 7 ปีที่แล้ว ว่าจะคืนความสุขมาให้ประชาชน"

สมพงษ์ ระบุว่า แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เขากลับเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะแสวงหาทางออกในทุกปัญหา เขากลับตีโพยตีพาย เห็นปัญหาในทุกทางออก แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะคิดเก่ง ทำเก่ง ดังเช่นที่เขาเคยโอ้อวดว่าการบริหารประเทศไม่เห็นยากเลย พล.อ.ประยุทธ์กลับบริหารประเทศแบบคิดไป ทำไป ไม่มีการวางแผน ไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม กลับไปกลับมา และโยนความผิดให้ประชาชน ทำให้เมื่อเผชิญวิกฤตอย่างโรคโควิด -19 ประชาชนจึงทุกข์แสนสาหัส ธุรกิจใหญ่น้อยจึงทยอยล้มลง แม้ธุรกิจที่ยืนหยัดต้านทุกวิกฤตมาได้หลายสิบปี ก็ต้องปิดกิจการในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์

สมพงษ์ เพื่อไทย สภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ -9660-420F-8BA6-68A89F642DEE.jpegประยุทธ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา.jpg

กรีด 'รัฐบาลปรสิต' กัดกร่อนอนาคตประเทศกลืนกินความฝันประชาชน

ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถรวมพลังผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ พล.อ.ประยุทธ์ได้แต่อวดอ้างไปวันๆ ว่า ตนซื่อสัตย์ แต่กลับนิ่งดูดาย วางเฉยให้พวกพ้องและบริวารทุจริต ฉ้อฉล รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จึงเป็นได้เพียง “รัฐบาลปรสิต” ที่กัดกร่อนอนาคตของประเทศและกลืนกินความฝันของประชาชน รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน

"สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะอภิปรายคนแล้วคนเล่าไม่หยุดยั้ง เพื่อแสดงหลักฐานอย่างแจ้งชัดว่า เราไม่อาจยินยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ยังทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป แล้วฉุดรั้งให้ชีวิตประชาชน จมดิ่งสู่ความทุกข์ทนยิ่งกว่านี้อีก เราเชื่อมั่นว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นแสงแห่งความหวังที่ส่องสว่างไปทุกแห่งหน เพื่อไล่ความมืดมนที่ พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้มาเกือบ 7 ปี และเพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า จากแม่สายถึงเบตง จากแม่สะเรียงถึงศรีเมืองใหม่ว่า เราต้องมีความหวังอยู่เสมอ เพราะจุดจบของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์กำลังมาถึงในไม่ช้านี้"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อประธานสภา เปิดให้ผู้ฝ่ายค้านได้อ่านญัตติ โดยอ่านไปได้ไม่นาน ไพบูลย์ ได้รุกขึ้นประท้วงอีกว่า มีการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่จำเป็น ทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบัน จึงไม่มีความจำเป็นต้องอภิปราย จากนั้น ชวน วินิจฉัยว่า ผู้นำฝ่ายค้านฯ ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับ จึงให้อ่านญัตติต่อ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง