พระไพรวัลย์ วรรณบุตร พระนักเทศน์ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังมีเหตุผู้มาร่วมงานบวชทำร้ายร่างกายครูและนักเรียน ที่โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ เนื่องจากไม่พอใจที่ทางโรงเรียนแจ้งเตือนให้เบาเสียงขบวนแห่ เพราะมีการสอบ ว่า บวชก็บวชกับหลวงพ่อ ไม่ได้บวชกับลำโพง ทำไมถึงเบาเสียงไม่ได้
จากนั้นได้โพสข้อความอีกว่า อันนี้อาจพูดอย่างเป็นสาระหน่อย อาตมาคิดว่า ถึงเวลาแล้วนะที่ชาวพุทธเราต้องช่วยกันสร้างค่านิยมที่ถูกต้องเสียที ก่อนที่วัฒนธรรมประเพณีของพวกเราจะเสื่อมถอยไปมากกว่านี้
โยมลองพิจารณาดู เดี๋ยวนี้เราจัดงานบุญกันแทบจะไม่เป็นงานบุญอยู่แล้ว ไม่ว่าผ้าป่า กฐิน บวชนาค หรืออะไรตาม เราเน้นความสนุกสนานและความสำราญกันจนเกินขอบเขตไปมาก
ที่จริงมันควรแยกกันให้ชัดนะ ถ้าเราออกตัวว่าเป็นคนพุทธที่มีความเคารพต่อพระรัตนตรัยอย่างจริงจัง
ก่อนอื่นเลย เขตพุทธาวาส ควรจะต้องเป็นสถานที่ที่ปลอดจากสิ่งเสพติดมึนเมาทุกชนิด เราจะจัดงานรื่นเริงสนุกสนานอะไรก็ได้ แต่ควรสนุกกันเสียให้พอแต่ที่บ้าน จะมีเหล้ายาปลาปิ้งก็ไม่มีใครว่า แต่มาอยู่ในวัดแล้ว อะไรที่ควรงดมันก็ควรต้องงด แบบนี้เรียกว่า รู้จักกาละเทศะ
เป็นเรื่องที่น่าเศร้านะ ที่เดี๋ยวนี้งานบวชบางงาน มีการจ้างโคโยตี้ มาเต้นกันถึงในลานวัด เปิดเครื่องเสียงอย่างดังเกิน มีการนำเหล้าเบียร์ไปกินกันถึงในเขตอุโบสถ เรื่องพวกนี้กำลังกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
นี่ยังไม่รวมค่านิยมแปลกแปลกเช่น การเบิ้ลรถเสียงดัง หรือการขับรถแว้นรอบเมรุเผาศพ และอื่นอื่น
เราเห็นภาพที่เยาวชนผู้หญิงแสดงออกด้วยท่าเต้นอย่างอนาจารไม่เหมาะสม เด็กผู้ชายก็มีเรื่องต่อยตีฟันแทงกันอย่างปกติแม้จะอยู่ในงานบุญ เรากำลังปล่อยให้เรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องธรรมดาหรือเปล่า
นี่อาตมาอยากจะชวนให้เราหันกลับมาตั้งคำถาม แม้แต่พระเราเอง ถ้าเราไม่กล้าเตือนชาวบ้าน ไม่กล้าขัดใจในเรื่องที่ควรต้องขัดใจ คนเป็นผู้ใหญ่ไม่เป็นแบบอย่างในเรื่องที่ควรเป็นแบบอย่าง แล้วต่อไปจะเหลืออะไรให้เราภูมิใจกันอยู่อีก
ทุกวันนี้ความหยาบคายรุนแรงเกิดขึ้นได้ง่ายอย่างน่ากลัวเหลือเกิน แม้แต่ในเขตวัด ในโรงพยาบาล ในห้องสอบของโรงเรียน คนไม่แยกแยะถูกผิดดีเลวอะไรแล้ว นี่เรากำลังอยู่ในยุคของบ้านป่าเมืองเถื่อนหรือเปล่า ขอให้ช่วยกันคิดดู