ไม่พบผลการค้นหา
กระทรวงสาธารณสุข แถลงผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 188 คน รวมสะสม 599 คน มีผู้ป่วยรักษาจนหายดีกลับบ้านเพิ่มอีก 1 คน ด้าน กต.เผยพบคนไทยในสหรัฐฯ ติดเชื้อเสียชีวิต นายกฯ เรียกพล.อ.อนุพงษ์-ปลัดสธ. ประชุมรับมือ จับตาเพิ่มมาตรการเข้มหรือไม่

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 10 และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค และคณะแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า วันนี้พบผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 188 คน ยอดสะสมรวม 599 คน กลับบ้านแล้ว 45 คน รักษาอยู่ที่โรงพยาบาล 553 คน ผู้ป่วยอาการหนัก 7 คน ซึ่งต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิต 1 คน

สำหรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น 188 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้  

กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 65 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 21 ราย ,กลุ่มสถานบันเทิง 5 ราย ,กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 37 ราย และกลุ่มที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาในประเทศมาเลเซีย 2 ราย

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 15 ราย ได้แก่ กลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ/ชาวต่างชาติ 8 ราย (ใน จำนวนนี้มีหลายรายที่มีประวัติเดินทางกลับจากเที่ยวผับปอยเปต ที่ประเทศกัมพูชา สัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้) ,กลุ่มผู้ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมาก หรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 7ราย 

กลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอสอบสวนโรค 108 ราย 

สำหรับ การตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขอความร่วมมือประชาชนหากไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่ยังไม่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ให้สังเกตอาการตัวเองที่บ้าน ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคม(Social Distancing)อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาเชื้อในผู้ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจก่อน ที่สำคัญการตรวจเชื้อขณะที่ไม่มีอาการโอกาสพบเชื้อน้อยมาก ทำให้คนที่ตรวจแล้วอาจเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองไม่ติดเชื้อและออกไปมีกิจกรรมทางสังคมส่งผลต่อระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค 

ขณะนี้ยอดผู้ป่วยรายใหม่เป็นคนไทยพบมากในกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาวที่อาการน้อย ทำให้มีกิจกรรมทางสังคมร่วมกับผู้อื่น เมื่อป่วยจะทำให้เกิดผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวนมาก เช่น กรณีสถานบันเทิง และสนามมวย ล่าสุดผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการในจังหวัดปริมณฑลได้สั่งปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงชั่วคราว จึงขอความร่วมมือผู้ทำงานในสถานที่ที่ถูกสั่งปิด อย่าเดินทางกลับภูมิลำเนาเพราะคุณอาจนำเชื้อโรคไปแพร่ให้คนต่างจังหวัด คนใกล้ชิดในครอบครัว 

ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้ส่งหนังสือด่วน ลงวันที่ 21 มีนาคม 2563 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ขอความร่วมมือจัดทำแผนปฏิบัติการค้นหา เฝ้าระวัง และป้องกันโรคระดับอำเภอและหมู่บ้านหลังจากที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑลสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว เนื่องจากพบการเพิ่มของจำนวนผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประชาชนส่วนหนึ่งเดินทางเพื่อกลับภูมิลำเนา โดยให้ทุกจังหวัดดำเนินการดังนี้ 

1.จัดตั้งทีมอาสา โควิด – 19 ระดับอำเภอและหมู่บ้านเพื่อดำเนินการค้นหาและเฝ้าระวัง

2. จัดทำฐานข้อมูลของผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มาถึงภูมิลำเนา ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นไป

3. ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพื่อแยกตัวสังเกตอาการไข้และอาการทางเดินหายใจทุกวัน และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่นในที่พำนักหรือที่พักอาศัยจนครบ 14 วัน นับจากวันที่เดินทางมาถึงภูมิลำเนา

4. แจ้งผู้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ดังต่อไปนี้ ไม่รับประทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น, ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว หมอน ผ้าห่ม แก้วน้ำ ซ้อนส้อม ,ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์,หลีกเลี่ยงการพูดคุย ใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรัง, หากมีไข้และอาการทางเดินหายใจ ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่โดยทันที 

นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือไปยัง ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมขนส่งทางบก คัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯและปริมณฑล ให้ทำความสะอาดสถานี ยานพาหนะก่อนและหลังเดินทางเน้นพื้นที่สัมผัสร่วม เช่น ราวจับบันได ประตู ห้องน้ำ เก็บบันทึกข้อมูลผู้เดินทาง ลดความแออัดผู้โดยสาร จัดที่นั่งให้เว้นระยะห่าง ให้คำแนะนำผู้โดยสารเรื่องการป้องกันโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่อถึงเดินทางถึงสถานีปลายทางหากพบผู้โดยสารมีไข้ ไอ และอาการระบบทางเดินหายใจให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อรายงานต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่


กต.เผยพบคนไทยในสหรัฐติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิต

นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ รับรายงานจากฝ่ายกงสุล จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ว่าเมื่อ 21 มีนาคม 2563 หญิงอายุ 66 ปี ซึ่งเป็นหัวหน้าแม่ครัว ร้านอาหารไทยในกรุงวอชิงตัน เสียชีวิต ที่ รพ. Medstar Georgetown ในกรุงวอชิงตัน โดยรพ. แจ้งว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจาก COVID-19 ซึ่งนับเป็นคนไทยรายแรกในสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสนี้

ทั้งนี้ นายธานี ทองภักดี เอกอัครรราชทูต ได้แสดงความเสียใจแก่ญาติผู้เสียชีวิตที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาและจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสมและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป


นายกฯหารือ- ปลัดสธ.จับตาเพิ่มมาตรการเข้มหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล ติดตามการทำงานศูนย์โควิด-19 โดยเรียก นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าหารือบนตึกไทยคู่ฟ้า หลังกระทรวงสาธารณสุขประกาศพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงถึง 188 คน รวมสะสม 599 คน หายแล้วกลับบ้าน 1 ราย  

ซึ่งต้องจับตาดูว่า วันนี้ศูนย์โควิดจะมีประกาศมาตรกรเข้มมากขึ้นหรือไม่ หลังวานนี้ กทม. และปริมณฑล ประกาศปิดสถานที่เสี่ยง รวมถึงห้างสรรพสินค้า และขอความมร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้าน ทำงานผ่านระบบออนไลน์แทน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :