ยอดการติดเชื้อโควิด-19 ในจีนกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากจีนบังคับใช้มาตรการโควิดเป็นศูนย์มายาวนานกว่า 3 ปี ก่อนที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนจะละทิ้งมาตรการดังกล่าวเมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ปีก่อน ส่งผลให้เชื้อไวรัสกำลังลุกลามไปอย่างไร้ขีดจำกัดในวงประชากรจำนวน 1.4 พันล้านคนทั่วประเทศจีน
เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของจีนออกมาเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ที่ผ่านมาว่า มีประชากร 60,000 รายที่เสียชีวิตในโรงพยาบาลของจีน ระหว่างวันที่ 8 ธ.ค.ถึง 12 ม.ค. นับเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ภายหลังจากการเปิดเผยตัวเลขอัตราการเสียชีวิตของประชาชนครั้งก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการจีนระบุว่า มีประชากรเสียชีวิตจากโควิด-19 เฉลี่ยวันละ 5 ราย จนองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตัวเลขที่ได้รับการเปิดเผยมาจากรัฐบาลจีนนั้นไม่สะท้อนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศ
อย่างไรก็ดี ทางการจีนใช้ตัวมาตรฐานชี้วัดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่ค่อนข้างแคบ โดยทางการจีนนับผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จากอาการทางเดินหายใจเท่านั้น นอกจากนี้ ตัวเลขการเสียชีวิตล่าสุดจำนวน 60,000 รายในรอบเดือนที่ผ่านมา ไม่มีการนับตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่บ้านของตัวเอง โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลของจีนที่การแพทย์เข้าไม่ถึง ในทางตรงกันข้าม ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ว่า ตัวเลขการเสียชีวิตที่แท้จริงในจีนอาจมีมากถึง 1 ล้านรายในปีนี้
ก่อนช่วงวันหยุดยาวตรุษจีน หรือที่เรียกกันในจีนว่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจะเริ่มนับอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 ม.ค.นี้ รัฐบาลจีนได้พยายามเผยแพร่เนื้อหาโฆษณาชวนเชื่อว่า โรงพยาบาลและคลินิกในพื้นที่ห่างไกลได้มีการเร่งระดมกักตุนยาและอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อใช้รับมือกับสถานการณ์การระบาดที่อาจพุ่งสูงขึ้นเอาไว้แล้ว
“จุดสูงสุดของการติดเชื้อโควิดในหมู่บ้านของเราได้ผ่านไปแล้ว แต่เทศกาลฤดูใบไม้ผลิกำลังเข้าใกล้มาเรื่อยๆ และมันยังมีชาวบ้านที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อทุติยภูมิ” แพทย์จากมณฑลชานซี ระบุในบทความของสำนักข่าวประจำท้องถิ่น Red Star News “หากยาต้านไวรัสและยาอื่นๆ มีมากเพียงพอ ผมคงจะมั่นใจมากขึ้น”
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ทางการจีนได้จัดหายาลดไข้และออกซิเจนสำรอง ตลอดจนเครื่องวัดระดับออกซิเจนบริเวณปลายนิ้วให้แก่คลินิกในพื้นที่หมู่บ้านห่างไกล เพื่อใช้รับมือก้บยอดการระบาดที่อาจพุ่งสูงขึ้นในพื้นที่ห่างไกล หลังจากจีนเริ่มมีการสัญจรในหมู่ประชาชนทั่วประเทศที่มากขึ้นตลอดช่วงก่อนตรุษจีนนี้
สำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีนรายงานว่าปัจจุบันนี้ สถานีรถไฟของจีนเต็มไปด้วยผู้โดยสารที่รอรถไฟเพื่อเดินทางกลับไปยังบ้านของตัวเองในพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศ จนต้องทำการเพิ่มเที่ยวเดินรถไฟช่วงกลางคืนรอบพิเศษ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนที่กำลังจะเดินทางไปยังมณฑลอานฮุย
ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่ายอดนักเสี่ยงโชคในคาสิโนมาเก๊ามีพุ่งสูงถึง 55,000 รายในวันเสาร์ที่ผ่านมา นับเป็นยอดการใช้บริการคาสิโนที่มากที่สุด นับตั้งแต่ช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ในอีกทางหนึ่ง รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศได้ประกาศเพิ่มจำนวนประชาชน ที่สามารถเดินทางเข้าเกาะผ่านทางแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 65,000 ราย จากเดิม 50,000 ราย ระหว่างวันที่ 18-21 ม.ค.นี้ด้วย
กระทรวงคมนาคมจีนคาดการณ์ว่า อาจมียอดการเดินทางทั่วจีนตลอดช่วงหลายสัปดาห์ของเทศกาลตรุษจีนราว 2 พันล้านเที่ยวเดินทาง ทั้งนี้ ยอดการคมนาคมที่พุ่งสูงขึ้นเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวด หลังจากความไม่พอใจของประชาชนทั่วประเทศที่สะท้อนออกมาเป็นการประท้วงลุกลาม อีกทั้งยังเป็นความหวังที่จะฟื้นคืนสภาพเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก ให้กลับมาสะพัดอีกครั้งหลังจากเศรษฐกิจจีนตกต่ำอย่างหนักในรอบครึ่งศตวรรษ
ที่มา: