ไม่พบผลการค้นหา
หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เปิดเผยหวังเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มั่นใจความรู้ความสามารถ ตรวจสอบทุจริต แก้ปัญหาได้รวดเร็ว เฉียบขาด

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโหนกระแส โดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ออกอากาศเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ว่า หากเข้าไปในสภา ตนไม่มีปัญหากับการโดนท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นจากใคร รวมถึง นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยพร้อมสู้ด้วยหลักการ และถ้าจะอภิปราย เสนอแนะนโยบายรัฐบาล ก็มาถกเถียงกันด้วยแง่วิชาการ ข้อมูลข้อเท็จจริง ซึ่งก็พร้อมเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น

นายมงคลกิตติ์ ยืนยันว่า บุคลิกการเเสดงออกที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างภาพให้ฮาร์ดคอร์หรือนุ่มนวลแต่อย่างใด แต่ปรับเปลี่ยนไปตามคู่สนทนาและสถานการณ์

"ไม่ได้สร้างภาพ ปกติผมเป็นคนสอนหนังสือมาสิบกว่าปี สอนทั้งเด็กเก่ง เด็กเก่งสอนอีกแบบนึง เด็กเกเรก็สอนอีกแบบหนึ่งแบบดุดัน สมมติถ้าเราคุยกับคนมีความรู้เราก็ต้องใช้วิชาการในการถกเถียงกัน ถ้าเราคุยกับคนไม่ฟังเหตุผล บางทีอาจใช้คำพูดที่ดุดันบ้าง แต่ถ้าคุยกับคนที่เขาเป็นมาเฟีย เป็นนักเลง ถ้าเราเอานักวิชาการ ไปคุยกับมาเฟีย นักเลง คอรัปชัน เราใช้วิชาการไปสู้เขาไม่ได้หรอก เราก็ต้องใช้ความเป็นมาเฟียกว่าสู้กับเขา"

เมื่อถูกพิธีกรถามว่า คาดหวังเก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่ ? 

หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ตอบว่า "การตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา ในการถูกเสนอชื่อในนามพรรคศิวิไลย์เป็นนายกรัฐมนตรี ทุกคนต้องหวังที่จะมีอำนาจบริหารประเทศ แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว"

หวังรัฐมนตรีกระทรวงไหน ?

"เบื้องต้นถ้าต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องการคอร์รัปชันตั้งแต่เด็กๆ ก็ต้องเริ่มต้นที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการก่อน เพราะถ้าเป็นรัฐมนตรีว่าการอาวุโสอาจจะต่ำไปหน่อย แต่องค์ความรู้ความสามารถผม ผมคิดว่าผมทำงานได้หลายด้าน และแก้ปัญหาได้ค่อนข้างเร็วและเฉียบขาด เพราะผมดำเนินคดีตรวจสอบการทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินคดีจนโดนไล่ออกไปร้อยคน”

ทั้งนี้นายมงคลกิตติ์ย้ำชัดว่าจะ "เข้าร่วมกับทางพลังประชารัฐ" โดยบอกพิธีกรว่า จำเป็นต้องเลือกฝั่งที่บริสุทธิ์มากที่สุด

"ณ ปัจจุบันเราได้แค่คะแนนเสียงเดียว มีสองทางเลือก คือเลือกฝั่งที่มีคดีทุจริตกับถูกยึดทรัยพ์จำนวนมาก กับอีกฝั่งนึง คดียังไม่ตัดสินเลย เราก็ต้องเลือกฝั่งที่บริสุทธิ์มากที่สุด จะบอกว่าเผด็จการไหม ไม่มีเผด็จการแล้วเพราะเราเลือกตั้งไปแล้ว การบอกว่าสืบทอดอำนาจมันเป็นวาทกรรมทางการเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ฝั่งตัวเอง ทั้งที่ฝั่งตัวเองมีคดีทุจริตจำนวนมาก ยึดทรัพย์ไปแล้ว หนีคดีไปแล้ว และกำลังถูกดำเนินคดีจำนวนมาก"


คลิปเต็มจาก โหนกระแส (Hone-Krasae) Official