นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่เกิดกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างกรมศิลปากรกับชาวอยุธยา เกี่ยวกับการบูรณะเพนียดคล้องช้างโดยการ “ตัดหัวเสาตะลุง” ด้านปีกกาทิ้งทั้งหมด ซึ่งไม่เป็นไปตามรูปแบบทางประวัติศาสตร์ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนตามกฎหมาย และใช้งบประมาณในการดำเนินการส่อไปในทางทุจริตนั้น
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าว อาจชี้ได้ว่าเป็นการบิดเบือนและทำลายรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชาวอยุธยาไม่อาจที่จะยอมรับได้ เพราะที่ผ่านมา มีการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้ง ทางผู้รับเหมาได้สร้างตามหลักฐานที่เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปคือ เสาตะลุงที่หลงเหลืออยู่เดิมมีหัวมัณฑ์ หรือหัวบัว กรมศิลปากรจึงได้ทำการซ่อมแซมทั้งด้านนอกด้านใน และซ่อมต่อเนื่องกันมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไปเชื่อเพียงแค่รูปถ่ายเพนียดคล้องช้างชั่วคราวของฝรั่งเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้วเท่านั้น โดยไม่ดูบริบททางประวัติศาสตร์และความเชื่อที่แท้จริง นอกจากนั้นยังพบว่ามีการนำไม้เสาตะลุงเดิมมาปะผุแซมกับไม้ใหม่อย่างผิดสังเกต ทั้งๆ ที่มีการใช้งบประมาณสูงถึง 35.8 ล้านบาท
แม้เรื่องดังกล่าวชาวอยุธยาจะได้แสดงออกโดยการร่วมลงชื่อกันนับหมื่นรายชื่อเพื่อเสนอให้ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และอธิบดีกรมศิลปากรได้ทบทวนการบูรณะให้เป็นไปตามอัตลักษณ์ที่แท้จริงแล้วก็ตาม แต่ก็หาได้รับการทบทวนหรือใส่ใจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมฯและชาวอยุธยาจึงไม่อาจปล่อยให้กรมศิลปากรใช้อำนาจไปโดยไม่ฟังเสียงประชาชนต่อไปได้ จึงจะนำหลักฐานทั้งหมดไปร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ใช้อำนาจตาม ม.230(2) ในการแสวงหาข้อเท็จจริงและสอบอธิบดีกรมศิลปากร และผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เพื่อแจ้งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งปลดหรือย้ายบุคคลทั้ง 2 ออกจากตำแหน่งดังกล่าวต่อไป โดยจะยกขบวนกันไปยื่นคำร้องในวันจันทร์ที่ 22 ก.ค.62 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ชั้น ห้อง 903 ศูนย์ราชการฯ อาคาร B ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.นายศรีสุวรรณ กล่าว