ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร หรือ กมธ.กฎหมาย กรณีไม่มีการดำเนินคดี นายวรยุทธ หรือ 'บอส (วรยุทธ) อยู่วิทยา' ทายาทบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 แต่ไม่มีข้อจำกัดอะไรที่ชัดเจนและได้เรียกประชุมเรื่องนี้อีกในสัปดาห์หน้า โดยวันนี้มีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.กิจการศาลองค์กรอิสระองค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจองค์การ มหาชน และกองทุน เข้าสังเกตการณ์ด้วย
ซึ่ง กมธ.กฎหมาย ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สำคัญคือ พล.ต.ท.จารวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต. ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะอดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล หรือ สน.ทองหล่อ เมื่อครั้งมียศพ.ต.อ., พ.ต.อ. สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ คนปัจจุบัน รวมถึงนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 7 คณะทำงานตรวจสอบการพิจาณาสั่งคดีนี้ เป็นตัวแทนสำนักงานอัยการเข้าชี้แจงและให้ข้อมูลต่อ กมธ.กฎหมาย ด้วย
ขณะที่ นพ. แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมผู้พิการจากอุบัติเหตุ หรือ 'เหยื่อเมาแล้วขับ' จำนวนหนึ่ง เข้ายื่นหนังสือพร้อมเอกสารพบสารแปลกปลอมในร่างกาย 'บอส อยู่วิทยา' ถึงนายสิระ เจนจาคะ ประธาน กมธ.กฎหมาย เพื่อให้นำข้อมูลดังกล่าวเข้าสำนวนและรื้อคดีเอาผิด 'บอส' ด้วยเช่นกัน โดยติดใจกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องและตำรวจไม่ให้ความเห็นแย้ง ทำให้หลุดคดี โดย กมธ.กฎหมาย ได้สอบถามผู้เกี่ยวข้องในหลายประเด็น ทั้งการตรวจร่างการที่พบสารบางอย่าง, การให้ผู้อื่นรับผิดแทนหรือให้การเท็จ, ความเร็วของรถยนต์ที่ลดลง ทั้งที่ลากศพเหยื่อไปไกลถึง 160 เมตร รวมถึงความคืบหน้าคดีของนายสุเวช หอมอุบล พ่อบ้าน ที่ให้การเท็จและการให้เยียวยาครอบครัวผู้สูญเสีย รวมถึงการเลื่อนชั้นยศและบำเหน็จบำนาญให้กับเหยื่อด้วย
พล.ต.ต. ชุมพล กล่าวชี้แจงว่า คดีนี้สอบสวนเสร็จวันที่ 26 ก.พ. 2556 แล้วส่งอัยการ ใช้เวลาราว 5 เดือนเศษ มีการสอบเพิ่มเติมตามอัยการร้องขอ มีตำรวจหลายคนเกี่ยวข้อง เพราะคดียืดเยื้อกว่า 8 ปี และตนดำรงตำแหน่งเป็นผู้กับกับ สน.ทองหล่อ ถึงปี 2557 ก็ถูกย้าย ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ ทำให้ตอบไม่ได้ว่าตำรวจนายใดเกี่ยวข้องการทำคดีบ้าง
อดีตผู้กำกับ สน.ทองหล่อ ไล่เรียงความคืบหน้าคดีว่า วันนั้นเมื่อปี 2555 มีเหตุรถชนตำรวจเข้าพื้นที่ไม่พบรถยนต์คู่กรณีในที่เกิดเหตุ แต่เห็นรอยคราบน้ำมัน จึงติดตามจนทราบว่าเป็นบ้านของนายบอส และขอตรวจค้น แต่นายสุเวชออกมารับว่าเป็นคนขับ ก่อนตำรวจสอบปากคำพบว่าให้การเท็จ และระหว่างนี้พบหลักฐานจาก "บริษัท รปภ." ที่บันทึกการเข้าออกสถานที่ พบว่า 'บอส' เป็นคนขับ และตำรวจได้หมายค้น จึงพบรถหรูทะเบียน 1111 มีสภาพเหมือนประสบอุบัติเหตุมา กระทั่ง 'บอส อยู่วิทยา' ยอมรับสารภาพ และตำรวจให้ประกันตัว เพราะไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า หลังควบคุมตัว ได้ส่งตรวจร่างกายและให้โรงพยาบาลยืนยันผลตรวจหาสารเสพติดด้วย ซึ่งทุกอย่างอยู่ในสำนวนคดี แต่การที่ไม่สั่งฟ้อง เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ที่มีอยู่หลายคนเป็นคณะทำงาน ส่วนกรณีนายสุเวช ที่เป็นพ่อบ้านและติดตามนายบอส ซึ่งมารับสารภาพแทนโดยให้เหตุผลว่า เพราะติดหนี้บุญคุณ "พ่อของนายบอส" ไม่มีการจ้างวานหรือเตรียมการกันก่อน และตำรวจเชื่อว่าไม่ได้เตรียมการ เนื่องจากเวลากระชั้นชิดมาก
ด้านนายปรเมศวร์ กล่าวว่า คณะทำงานอัยการจะต้องตรวจสำนวนโดยละเอียด และขอแถลงชี้แจงพร้อมตอบทุกเรื่องในสัปดาห์หน้า เนื่องจากเพิ่งเปิดดูสำนวน แต่ กมธ.กฎหมาย เรียกมาก่อน จึงต้องมาชี้แจงในเบื้องต้นได้เพียงเท่านี้ พร้อมยืนยันว่าองค์กรอัยการมีความเป็นอิสระ ไม่มีใครครอบงำหรือแทรกแซงได้ และจะไม่เข้าข้างคนผิดอย่างแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม