ไม่พบผลการค้นหา
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประจำวันที่ 23 ม.ค. พบว่า ปิดตลาดที่ 1,617.38 จุด มูลค่าซื้อขาย 67,874.58 ล้านบาท ตลอดทั้งวันเคลื่อนไหวในแดนบวก นายกสมาคมโบรกชี้ ข่าวเลือกตั้งหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน ดันหุ้นขึ้นระยะสั้น แนะจับตานโยบายพรรคการเมือง ความเสี่ยงจากสงครามการค้า และสถานการณ์ท่องเที่ยว

การเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประจำวันที่ 23 ม.ค. 2562 ดันชีปิดตลาดที่ 1,617.38 จุด เพิ่มขึ้น 15.61 จุด หรือบวกร้อยละ 0.97 มูลค่าการซื้อขาย ณ สิ้นวันอยู่ที่ 67,874.58 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีฯ แตะจุดสูงสุดที่ 1,620.51 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,600.35 จุด   

หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 1,024 หลักทรัพย์ ลดลง 415 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 397 หลักทรัพย์

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มูลค่าการซื้อขาย 4,826.31 ล้านบาท ปิดที่ 49.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง 2. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่าการซื้อขาย 3,924.43 ล้านบาท ปิดที่ 190.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท 3. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่าการซื้อขาย 3,039.71 ล้านบาท ปิดที่ 69.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท 4. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าการซื้อขาย 2,327.78 ล้านบาท ปิดที่ 129.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท 5. บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) มูลค่าการซื้อขาย 2,127.85 ล้านบาท ปิดที่ 23.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งที่มีความชัดเจนทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะต่างชาติและเห็นได้ว่าวันนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นตอบรับกับข่าวดังกล่าว เห็นได้จากเงินทุนเริ่มไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทย แต่เชื่อว่าเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ซึ่งต้องมีประเด็นที่ต้องติดตามว่าหลังเลือกตั้งแล้วรัฐบาลมีนโยบายอย่างไร การเติบโตเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ และนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวไทยหรือไม่ ส่วนตลาดหุ้นไทยจะไปแตะระดับ 1,700 จุดหรือไม่นั้นต้องดูปัจจัยอื่นสนับสนุนด้วยทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ตลาดหลักทรัพย์

ดังนั้น การเติบโตของบริษัทจดทะเบียนในอัตราที่ร้อยละ 10 แม้เติบโตดี แต่ไม่น่าสนใจหากเทียบกับประเทศในตลาดเกิดใหม่รายอื่นที่มีการเติบโตร้อยละ 15-20 ดังนั้นเมื่อมีเงินไหลเข้ามาอาจหยุดดูผลประกอบการก่อน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ เรื่องสงครามทางการค้า ความคืบหน้าอังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิต ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นหุ้นแบงก์ และอสังหาริมทรัพย์

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 ม.ค.) ปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ติดลบ โดยปัจจัยนอกประเทศยังมีประเด็นรบกวนในเรื่องของร่างข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) และการปิดหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯ 

ส่วนตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น ขานรับความคืบหน้าการเลือกตั้ง หลังจากราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 ออกมา ซึ่งกระบวนการเดินหน้าเป็นไปตามที่คาดไว้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ในวันที่ 24 มี.ค. 2562

ดังนั้น ด้านกลยุทธ์การลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะสั้นแนะนำให้หาจังหวะขายทำกำไรหลังจากที่ได้สะสมหุ้นไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากยังไม่มีประเด็นอื่นเข้ามา ส่วนนักลงทุนระยะยาวก็ให้ถือหุ้นได้ โดยโฟกัสไปที่หุ้นขนาดใหญ่ ให้ปันผลสูง ซึ่งมองว่าจะ outperform ไปจนถึงปลายเดือน เม.ย.