วันที่ 14 ก.พ. โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่ม WeVo โพสต์เฟซบุ๊กผ่่านเพจส่วนตัวถึงกรณีการชุมนุมวันที่ 13 ก.พ. ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมือง ว่า เหตุความผิดปกติเมื่อคืน มีความเป็นไปได้ว่ามีขบวนการแทรกแซงเพื่อสร้างสถานการณ์หน้าแนวปะทะ จากการไล่สอบข้อเท็จจริงการ์ดที่ปฏิบัติภารกิจร่วมกันหลายๆ กลุ่มเมื่อวานนี้ พบข้อเท็จจริงเบื้องต้นคือ
1) ขณะที่แกนนำกำลังเจรจากับตำรวจด้วยดี มีกลุ่มวัยรุ่นหัวรุนแรงไม่ยอมรับการเจรจา มีชายวัยกลางคนพูดจาให้ท้ายและยั่วยุตลอดเวลา และมีเสียงดังคล้ายปะทัดลูกบอลตามมา จำนวนหลายลูก การ์ดพยายามห้ามปรามกันแต่ไม่ยอมฟัง
2) กลุ่มที่ปั่นป่วนมีการแสดงความไม่พอใจ staff ที่เข้าไปห้ามปราม ถึงขั้นจะทำร้ายร่างกายกัน การ์ดที่ทำหน้าที่พยายามหักหามใจ อดทนอดกลั้นเพื่อให้งานเดินต่อไปได้
3) ผมได้รับรายงานอย่างต่อเนื่องว่า มีกลุ่มปกป้องสถาบันเคลื่อนไหวเข้าพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงเย็นจึงประเมินสถานการณ์ว่าไม่ควรให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ และได้ให้คำแนะนำไปที่แกนนำที่หลังรถโมบายว่า หากมีแผนยังไงต่อจะทำอะไรก็รีบดำเนินการ แต่หากไม่มีก็ขอให้รีบยุติโดยเร็ว
4) แกนนำตัดสินใจประกาศยุติหลังเสร็จกิจกรรมทาสีแดง และตำรวจยอมรับเงื่อนไข ลดการเผชิญหน้า แต่กลับมีกลุ่มคนที่ปั่นป่วนไม่ยอมฟังเหตุผลและได้รับการยุยงจากคนไม่กี่คน ให้อยู่ต่อ ไม่ต้องกลับ และมีการส่งปะทัดลูกบอลให้กันอย่างต่อเนื่อง (เบื้องต้นเราทราบตัวบ้างแล้ว)
5) ประชาชนส่วนใหญ่ถอยแต่ หลายคนถอยไม่ได้โดยเฉพาะการ์ด ที่อยู่ส่งทุกคนกลับบ้าน เราอยู่กันตลอดแนวจนถึงอนุสาวรียประชาธิปไตย และหลังรถเครื่องเสียงของแกนนำออกจากพื้นที่ ไป ก็ยังมีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งไม่ยอมกลับพร้อมกับขวางปะทัดลูกบอลไปแนวกั้นของ ตร. อย่างต่อเนื่อง ผมต้องใช้รถขยายเสียงของwevo ประกาศเป็นครั้งสุดท้ายให้กลับ จนพวกเขาตอบกลับมาด้วยคำด่าทอเพราะเกิดความไม่พอใจที่เราขอร้องให้กลับ ไม่ว่าใครไปห้ามหรือขอร้องก็จะถูกด่าทอกลับมา ซึ่งไม่ใส่วิสัยปกติที่เราเจอ
6) ผมจึงต้องตัดสินใจถอนกำลังทั้งหมดรวมถึง ให้wevo และการ์ดอื่นๆที่ยังทำหน้าที่อยู่ เอาคนกลับออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งเวลาเดียวกันกับที่มีเหตุ กลุ่มปกป้องสถาบันรุมทำร้ายการ์ดอาสา ที่เฝ้าระวังเหตุบริเวณหน้าแมคฯอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
7) ผมจึงตัดสินใจเดินทางไปที่เกิดเหตุทำร้ายกัน และไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ หน้าศาลฎีกา
ทั้งหมดทั้งมวลจากการสอบถามข้อเท็จจริงทุกคนในที่เกิดเหตุทั้งหมด และจากการที่ผมเฝ้าสังเกตนั้นผมค่อนข้างแน่ใจว่ามันไม่ปกติแน่ๆ คาดว่าเกิดการแทรกแซงโดยมือที่สาม หรือกลุ่มจัดตั้งอันธพาลที่มาในรูปของมวลชนกลุ่มหนึ่งแฝงอยู่ในม็อบ สอดประสานกับ อันธพาลอีกกลุ่มที่รอดักซุ่มทำร้ายประชาชนอยู่ในเส้นทาง
"หลังจากนี้หวังว่าทางแกนนำทุกๆ กลุ่มจะได้นำบทเรียนครั้งนี้ไปหาทางแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด หากไม่ดำเนินการก่อนที่จะนำม็อบครั้งต่อไป ปัญหานี้จะไม่จบ"
ขณะที่เพจราษฎร ออกแถลงการเรื่อง ปฏิบัติการไร้ความรุนแรง ดังต่อไปนี้
จากกรณีที่ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุม ณ บริเวณ หน้าศาลฎีกาและบริเวณใกล้ท้องสนามหลวง ในช่วงเวลาค่ำ ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยปรากฏการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน ซึ่งต่อมามีรายงานการใช้กำลังทำร้ายและเข้าจับกุมประชาชน และมีการใช้กำลังประทุษร้ายหน่วยแพทย์ในที่ชุมนุม
กิจกรรมภายในวันนี้ราษฎร ได้เริ่มต้นกิจกรรมโดยการระดมพลในบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 15:00 น. และถัดมาได้มีการดำเนินกิจกรรมการรื้อกระถางต้นไม้ ในเวลา 17:30 น. โดยในเวลาต่อมาราษฎรได้มีการเดินขบวนในเวลา 18:00 น. โดยได้ทำการเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาถึงที่บริเวณหน้าศาลฎีกาใกล้ท้องสนามหลวง ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้มีการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ และได้ทำการยุติการชุมนุมตอนเวลา 20:00 น.
ราษฎร ขอยืนยันในหลักการของปฏิบัติการไร้ความรุนแรง ซึ่งได้ประกาศ ณ ที่ชุมนุมว่า มวลชนสามารถตอบโต้หากมีการใช้ความรุนแรงจากภาครัฐได้ ซึ่งได้แก่วิธีการอื่นใดอันไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงในทางกายภาพต่อปัจเจกบุคคล
ราษฎร ยืนยันในหลักการและแนวทางของปฏิบัติการไร้ความรุนแรง และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงกับผู้ที่ใช้เสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ และการจับกุมอย่างไม่เลือกหน้าเป็นการละเมิดทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
ถึงที่สุดพวกเราขอยืนยันว่า พวกเราจะยังคงยืนหยัดที่จะสู้จนกว่าจะไม่มีประชาชนคนใดถูกจับโดยไม่เป็นธรรม พวกเราจะสู้ต่อไปจนกว่าประชาชนในประเทศนี้จะมีความเสมอภาคเป็นธรรม พวกเราจะสู้ต่อไปจนกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์จะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และประเทศมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตร.แถลงเคลียร์ชุมนุม 13 ก.พ.จับ 8 คน ชี้บางกลุ่มก่อความวุ่นวายไม่เลิก หลังแกนนำหยุด