ย้อนไปช่วงปี 2547 ได้เกิดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่เมืองคิเชโว (Kičevo) ประเทศมาซิโดเนีย หรือชื่ออย่างเป็นทางการในปัจจุบันว่า สาธารณรัฐนอร์ทมาซิโดเนีย หรือมาซิโนเนียเหนือ โดยตำรวจพบเหยื่อเป็นหญิงสูงวัยที่ชื่อ Mitra Simjanoska อายุ 64 ปี เธอหายตัวไปตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน 2547 ขณะเดินทางไปซื้อของที่ตลาดในเมือง ก่อนจะถูกพบว่าเป็นศพในต้นปีต่อมาเมื่อ 12 มกราคม 2548 ผลการชันสูตรพบว่าเธอถูกรัดคอ มัดมือมัดเท้า มีร่องรอยการถูกข่มขืน และเสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่ถึงสองสัปดาห์จากการถูกทรมาณ
เหยื่อรายที่สองคือ Ljubica Licoska สตรีวัย 56 ปี เธอหายตัวไปช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2550 ขณะเดินออกไปซื้อของ กระทั่งถูกพบเป็นศพเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2551 ในสภาพถูกรัดคอ ศพถูกมัด มีร่องรอยการถูกทุบตีและข่มขืน ส่วนเหยื่อรายที่สามคือ Zivana Temelkoska หญิงวัย 65 ปี หายตัวไปเมื่อ 7 พฤศภาคม 2551 โดยเธอถูกหลอกล่อว่าลูกชายประสบเหตุเข้าโรงพยาบาล ก่อนจะพบร่างไร้วิญญาณในสภาพถูกข่มขืน ฆ่ารัดคอด้วยสายโทรศัพท์
ความคล้ายกันของเหยื่อทั้งสามรายคือทำอาชีพพนักงานทำความสะอาด มีฐานะยากจน และไม่ได้มีการศึกษาสูง สภาพศพของทั้งสามถูกพบในห่อพลาสติกและฆาตกรนำไปทิ้งกระจายไว้รอบๆ แถบชานเมืองคิเซโว เมืองขนาดเล็กที่มีประชากรเพียง 20,000 คน ห่างจากกรุงสโกเปียเมืองหลวงไปทางทางตะวันตกเฉียงใต้
ทันทีที่เกิดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สื่อท้องถิ่นของประเทศต่างเฝ้าจับตาติดตามการสืบสวนคดีนี้อย่างใกล้ชิด 'วลาโด ตาเนสกี' (Vlado Taneski) คือหนึ่งในนักข่าวท้องถิ่นซึ่งรับหน้าที่จากกองบรรณาธิการให้เกาะติดการสืบสวนคดีนี้
ประวัติของตาเนสกี เกิดเมื่อปี 2495 ในเมืองคิเซโวแห่งนี้ สมัยที่ประเทศมาซิโดเนียยังคงเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย เขาพบรักกับนักศึกษากฎหมายที่ชื่อ เวสนา เมื่อตอนอายุ 21 กระทั่งแต่งงานและมีลูกด้วยกันสองคน ตาเนสกีเริ่มเข้าสู่วงการนักข่าวด้วยการเริ่มต้นทำงานในสถานีวิทยุท้องถิ่น จากนั้นโลดแล่นในแวดวงนักข่าวมากว่า 20 ปี
ด้วยความที่เป็นนักข่าวในท้องถิ่นเมืองที่เกิดเหตุ ทำให้เขาได้รับมอบหมายจากกองบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ต้นสังกัด ให้ทำหน้าที่เกาะติดและรายงานข่าวคดีฆาตกรรมนี้อย่างใกล้ชิด รายงานข่าวของตาเนสกีได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากทั้งผู้อ่านรวมถึงกองบรรณาธิการต้นสังกัด เนื่องจากสามารถรายงานข่าวคดีฆาตกรรมดังกล่าวได้อย่าง "โดดเด่น" และ "เชิงลึก" ผ่านหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ของประเทศอย่าง Nova Makedonija กว่ารายงานของสื่อรายอื่นๆ จนเขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ
ทว่าสิ่งที่พลาดคือ ในรายงานข่าวของเหยื่อรายที่สาม ซึ่งเขาเขียนระบุในรายงานพิเศษของตัวเองด้วยการลงลึกถึงลักษณะของ 'สายโทรศัพท์' ซึ่งเป็นอาวุธที่ฆาตกรใช้ฆ่ารัดคอเหยื่อ นั่นจึงทำให้ตำรวจสงสัยในการทำงานของนักข่าวรายนี้ในทันที เนื่องจากเขารู้รายละเอียดบางอย่างของคดีที่ตำรวจไม่ได้เปิดเผย เช่น เหยื่อทั้งสามถูกข่มขืนและถูกฆ่ารัดคอด้วยสายโทรศัพท์ ในการแถลงของตำรวจไม่ได้ระบุว่าเหยื่อถูกรัดคอด้วยอะไร แต่นักข่าวรายนี้กลับรู้ลักษณะของสายโทรศัพท์ที่ใช้รัดคอเหยื่อ
ตำรวจเริ่มเปลี่ยนทิศทางการสอบสวน และบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักของเขาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ตำรวจพบหลักฐานเป็นคอลเล็กชันวิดีโอและสื่อลามกจำนวนมากจากบ้านพักตากอากาศของเขา กระทั่งตาเนสกีถูกจับกุมเมื่อ 20 มิถุนายน 2551 โดยตำรวจนำตัวอย่างดีเอ็นเอจากการตรวจค้นในบ้านพัก ไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอจากคราบอสุจิที่พบในเหยื่อก็พบว่าเขาคือฆาตกรตัวจริง ด้วยหลักฐานที่มัดตัวอย่างดิ้นไม่หลุด ตาเนสกีสารภาพว่าตนคือฆาตกรชื่อดังรายนั้น เขาถูกตั้งข้อฆาตกรรมเหยื่อหญิงสองคน ขณะที่เหยื่อคนที่สามตำรวจกำลังสอบสวนเพื่อเตรียมตั้งข้อหาเพิ่มเติม
23 มิถุนายน ในระหว่างการพิจารณาคดีตำรวจได้ฝากขังตาเนสกีที่เรือนจำ ทว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กลับพบศพของตาเนสกีภายในห้องขัง เขาได้ใช้ถังพลาสติกเติมน้ำก่อนก้มศีรษะตัวเองลงในถังน้ำจนเสียชีวิต ท่ามกลางการสืบสวนของเหยื่อคนที่สามซึ่งตำรวจเชื่อว่าเขาคือฆาตกรผู้สังหารอย่างแน่นอน แต่ขณะเดียวกันตำรวจพบว่ามีหญิงรายที่สี่ วัย 78 ปีที่หายตัวไปในปี 2546 และยังไม่พบร่างของเธอ ตำรวจจึงเตรียมขยายผลการสืบสวนว่าตาเนสกีมีส่วนเกี่ยวข้องนี้หรือไม่ แต่นักข่าวผู้ก่ออาชญากรรมรายนี้กลับฆ่าตัวตายเสียก่อน
ตำรวจตั้งข้อสังเกตในคดีว่า เหยื่อทุกรายล้วนมีอาชีพพนักงานทำความสะอาด ซึ่งเป็นอาชีพเดียวกับที่แม่ของเขาเคยทำ อีกทั้งเหยื่อทุกรายยังมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับผู้เป็นแม่ของเขาเอง จึงทำให้น่าสงสัยว่าตาเนสกีน่าจะมีปมในใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับแม่ของตนเอง
เรื่องราวของตาเนสกีนอกจากเป็นคดีสะเทือนขวัญแล้ว ยังได้กลายเป็นคดีสะเทือนวงการสื่อของประเทศเช่นกัน Goce Trpkovski นักข่าวสาวประจำ หนังสือพิมพ์ Nova Makedonija สื่อท้องถิ่น เพื่อนร่วมงานของตาเนสกี เผยว่า หลังเกิดคดีของ Zivana Temelkoska เหยื่อรายที่สาม เขาได้โทรศัพท์มาเล่ารายละเอียดอันน่าสนใจของคดีให้เพื่อนในกองบรรณาธิการฟัง "เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่โน้มน้าวใจได้ดีมาก" วันรุ่งขึ้นกองบรรณาธิการได้ตีพิมพ์รายงานพิเศษของเขาในฐานะบทหลักของหน้าอาชญากรรมบนหนังสือพิมพ์ฉบับวันรุ่งขึ้น ด้วยหัวข้อ 'ฆาตกรต่อเนื่องที่สะกดรอยตามคิเซโว'
เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมวงการสื่อจาก Utrinski Vesnik หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอีกฉบับหนึ่งซึ่งเขาเขียนรายงานข่าวให้ เพื่อนร่วมงานหลายคนแทบไม่อยากเชื่อว่า เพื่อนนักข่าวผู้มีบุคลิก "ถ่อมตัวและนิสัยดีอย่างไม่น่าเชื่อ" จะเป็นฆาตกรที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงเช่นนั้น
ขณะที่ 'เวสนา' อดีตภรรยาซึ่งทั้งสองแยกทางกันเมื่อหลายปีก่อน เผยกับสถานีโทรทัศน์ในท้องถิ่นว่า คราวที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาตลอด 31 ปี ตาเนสกีเป็นสามีผู้อ่อนโยนเสมอ ครั้งเดียวที่เธอเคยเห็นเขาก้าวร้าวมีปากเสียงคือตอนที่อาศัยอยู่ร่วมกับพ่อแม่ของเขา
ที่มา: NYTimes , TheGuardian , Telegraf