ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์โควิด-19 และตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 พร้อมกันนี้ ได้นำวัสดุอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล ได้แก่ หน้ากากอนามัย 20,000 ชิ้น, หน้ากาก N95 12,000 ชิ้น, ชุด Cover all 400 ชุด, เฟซชิลด์ 1,120 ชิ้น และเจลแอลกอฮอล์ มอบให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด
อนุทิน กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้มาให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อคนไทย โดยเฉพาะขอชื่นชมจังหวัดเชียงรายที่สามารถควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในระลอกใหม่ได้เป็นอย่างดีจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วน มีการตรวจจับผู้ติดเชื้อที่รวดเร็วไม่เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง (ข้อมูล ถึงวันที่ 30 ม.ค. 2564) พบผู้ติดเชื้อ ใน จ.เชียงราย รวม 65 ราย ในจำนวนนี้มีเพียง 1 ราย ติดเชื้อภายในจังหวัดจากการสัมผัส ซึ่งในวันนี้ผู้ติดเชื้อที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลรายสุดท้ายแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว สำหรับระบบการดูแลผู้ติดเชื้อของ จ.เชียงราย นั้นได้นำมาเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการเตียงดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อลดความแออัดที่ จ.สมุทรสาคร
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในเขตสุขภาพที่ 1 (ครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือ) สามารถควบคุมได้ดีเช่นกัน จากการเน้นค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง ชุมชนเสี่ยง ประชากรกลุ่มเสี่ยง เช่น พ่อค้าอาหารทะเล, แรงงานต่างด้าว, นักท่องเที่ยว/ญาติ ที่เดินทางมาจาก กทม.และพื้นที่ควบคุมสูงสุด , คนขับรถขนส่งสินค้า, พนักงานสถานบันเทิง และมีสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ จำนวน 31 แห่ง รองรับได้ 2,152 เตียง เข้ารับการกักตัวไปแล้วกว่า 1,600 คน ซึ่งการระบาดในระลอกใหม่มีผู้ติดเชื้อทั้งเขตสุขภาพรวม 100 คน ทั้้งหมดรักษาหายและกลับบ้านได้แล้ว ภาพรวมผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับสีเขียว ขณะนี้เริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
“ขอมอบเป็นนโยบายให้บุคลากรสาธารณสุขทุกคนต้องเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติตัวที่ดีให้กับประชาชนไม่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เลี่ยงการดื่มสุรา เนื่องจากพบว่าต้นเหตุสำคัญของการแพร่เชื้อโควิด-19 มาจากการรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเกิดการปฏิบัติตามและเฝ้าระวังตนเอง ส่วนเรื่องวัคซีนที่กำลังมาเป็นการฉีดวัคซีนครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องมีความปลอดภัย มีระบบควบคุมติดตามหลังการฉีด และทุกคนที่สมัครใจต้องได้รับวัคซีน เพื่อเร่งปรับให้ประเทศเข้าสู่สถานการณ์ปกติให้เร็วที่สุด” อนุทิน กล่าว