นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Chaturon Chaisang' ตอบโต้ กกต. ที่กล่าวหาว่าการทวีตวิจารณ์ กกต. ของตนเป็นข่าวคลาดเคลื่อนต่อความจริง ซึ่งนายจาตุรนต์ชี้แจงว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นและผู้ที่ทำให้ กกต. เสื่อมคือ กกต. เอง โดยมีเนื้อความดังนี้
"เห็นกกต.ออกมาชี้แจงเหตุผลที่ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทกับผู้ที่วิจารณ์ กกต.พร้อมทั้งมีการเอาตัวอย่างข้อความที่ผมทวีตวิจารณ์เรื่องนี้โดย กกต.ได้คาดข้อความทับเป็นสีแดงว่า”ข่าวคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง” ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงเรื่องนี้เพิ่มเติม
ข้อความที่ผมทวีตไว้เป็นอย่างนี้ครับ
"เรื่องกกต.ดำเนินคดีสื่อมวลชนและสื่อมวลชนข้อหาหมิ่นประมาทนี่ก็แปลก นอกจาก กกต.เองแล้ว ยังจะมีใครสามารถทำให้ กกต.เสื่อมเสียจนหมดความน่าเชื่อถือได้อีกหรือ"
ขอชี้แจงเป็นเบื้องต้นก่อนว่าข้อความที่ผมทวีตและกกต.ยกมาเป็นตัวอย่างว่าคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริงนั้น จริงๆแล้วเป็นการแสดงความคิดเห็นคือผมเห็นว่ากกต.เสื่อมจนหมดความน่าเชื่อถือ ที่เสื่อมนี้ไม่ใช่เพราะใครแต่เป็นเพราะกกต.เองเป็นหลัก
การแสดงความเห็นอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องจริงหรือเท็จ แต่เป็นความเห็นที่ใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้ จึงไม่ใช่เรื่องที่คลาดเคลื่อนกับความเป็นจริงแต่อย่างใดครับ
สำหรับที่ผมเห็นว่ากกต.เสื่อมจนคนไม่เชื่อถือเป็นเพราะอะไรนั้น คอยอีกสักครู่ครับ"
หลังจากนั้นนายจาตุรนต์ โพสต์ชี้แจง 12 ข้อที่เป็นเหตุให้ กกต. ไม่เป็นที่เชื่อถือของสังคม ดังนี้
"เหตุใดกกต.จึงไม่เป็นที่เชื่อถือของสังคม
เห็นกกต.ออกมาชี้แจงเหตุผลที่ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทกับผู้ที่วิจารณ์กกต.พร้อมทั้งมีการเอาตัวอย่างข้อความที่ผมทวีตวิจารณ์เรื่องนี้โดยกกต.ได้คาดข้อความทับเป็นสีแดงว่า”ข่าวคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง” ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงเรื่องนี้เพิ่มเติม
ทำไมผมจึงบอกว่ากกต.ไม่เป็นที่เชื่อถือของสังคม จะขอยกตัวอย่างให้เห็นดังนี้ครับ
1.กกต.ชุดนี้มีที่มาที่ไม่เป็นไปตามกระบวนการตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่มาโดยการแทรกแซงของคสช. ที่เห็นได้ชัดคือตั้งแต่คสช.ปลดกรรมการกกต.บางคนออกจากตำแหน่งเป็นต้นมา กกต.ชุดนี้จึงไม่ใช่องค์กรอิสระมาตั้งแต่ต้นและนับแต่นั้นมาก็ไม่เคยเป็นอิสระจากคสช.อีกเลยเนื่องจากคสช.จะปลดกกต.คนใดหรือทั้งหมดเสียเมื่อใดก็ได้
2.มักมีข่าวทำนองว่าผู้นำคสช.และผู้นำรัฐบาลมอบเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้กกต.ไปทำอยู่บ่อยๆ กกต.ก็ไม่เคยทักท้วงว่ามอบไม่ได้ สั่งไม่ได้ เท่ากับยอมรับว่ากกต.พร้อมทำตามคำสั่งของคสช.และรัฐบาล
3.ที่ผ่านมาคสช.ได้ออกคำสั่งที่มีผลเป็นการแก้กฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมืองและการเลือกตั้งสส.หลายครั้งเช่นในเรื่องการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและการทำกิจกรรมต่างๆทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรคการเมืองและบางครั้งก็ให้คุณและโทษแก่พรรคการเมืองอย่างไม่เท่าเทียมกัน แต่กกต.ก็ไม่เคยทักท้วง
4.คสช.สั่งให้แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่อย่างกระทันหัน กกต.ก็ดำเนินการตามสั่งไปอย่างไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันอย่างชัดเจน มีหลักฐานที่แสดงความไม่ชอบมาพากลเช่นการแบ่งอำเภอๆเดียวออกเป็นหลายส่วนแยกไปอยู่กับเขตเลือกตั้งหลายเขตเป็นต้น
5.กกต.ออกระเบียบว่าด้วยการจัดรายการที่เกี่ยวกับการหาเสียงทางสื่อต่างๆที่กลายเป็นข้อจำกัดทำให้สื่อต่างๆไม่กล้าจัดรายการกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ประชาชนเสียโอกาสในการรับฟังความคิดเห็นและนโยบายของพรรคการเมืองไปมาก
6.รัฐบาลใช้งบประมาณแจกจ่ายในโครงการต่างๆที่เชื่อมโยงกับพรรคการเมืองอย่างชัดเจน และพรรคการเมืองก็แสวงประโยชน์จากโครงการของรัฐบาลเป็นที่รับรู้ไปทั่ว นอกจากกกต.ไม่เคยทักท้วง เมื่อมีคนร้องเรียนหรือวิพากษ์วิจารณ์ กกต.ก็ไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะตรวจสอบ
7.มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีพรรคการเมืองจัดงานเลี้ยงหาเงินสนับสนุนพรรคโดยมีข้อร้องเรียนว่ามีรัฐวิสาหกิจร่วมบริจาคด้วยซึ่งเป็นการผิดกฎหมาย กกต.ตรวจสอบแล้วชี้แจงเป็นข่าวสรุปว่าไม่ผิดเนื่องจากไม่มีชาวต่างชาติบริจาคซึ่งไม่ตรงประเด็นเลย
8.ระหว่างการหาเสียงมีรองนายกฯบางคนพูดในที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจ อธิบายถึงความจำเป็นที่นายกฯจะต้องเป็นนายกฯต่อไปเท่ากับรองนายกฯใช้อำนาจหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง กกต.ก็ไม่ได้ตรวจสอบ
9.ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง มีนักการเมืองเสนอนโยบายลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมซึ่งเป็นสิทธิ์โดยชอบ ผู้บัญชาการทหารบกออกมาไล่ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดินซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นกลางทางการเมือง กกต.ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ
10.กกต.เปิดเผยผลการเลือกตั้งในแต่ละเขตเลือกตั้งล่าช้าผิดปรกติโดยอ้างเหตุผลแบบผิดๆเช่นประกาศเกิน 95 % ไม่ได้ ทำให้คนสงสัยว่ากำลังปกปิดอะไรอยู่ จนบัดนี้กกต.ก็ยังชี้แจงเรื่องนี้ไม่ได้
11.หลังจากการเลือกตั้งผ่านไปเป็นสัปดาห์แล้วกกต.ยังไม่สามารถชี้แจงได้ว่าจะคำนวณจำนวนสส.แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองด้วยหลักเกณฑ์วิธีการอย่างไร
12.กกต.กำลังวางตัวเป็นผู้ที่ใครก็แตะต้องไม่ได้ ทั้งๆที่กกต.เป็นองค์กรของรัฐที่พึงถูกตรวจสอบได้และกรรมการแต่ละคนก็เป็นบุคคลสาธารณะ งานที่ต้องทำก็มีมาก แต่กลับเที่ยวไล่ดำเนินคดีกับผู้ที่ตำหนิติชมการทำงานของกกต.
แค่นี้ก็น่าจะพอที่จะแสดงว่ากกต.ไม่เป็นที่น่าเชื่อถือเพราะเหตุใดและกกต.ควรรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์และรับไปปรับปรุงตนเองดีกว่าจะไปเที่ยวดำเนินคดีกับใครๆ
อยากจะขอย้ำว่าเนื่องจากกฎกติกาที่เขียนไว้ให้ผู้นำคสช.ได้เปรียบในการตั้งรัฐบาล แต่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ออกมาแล้วยังไม่มีความชัดเจนว่าใครจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ บทบาทกกต.จึงเป็นเรื่องสำคัญ สังคมจึงอยากเห็นการทำงานของกกต.ที่โปร่งใสและเป็นกลาง ซึ่งกกต.ควรจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกระทำครับ"