นิกเกอิเอเชี่ยนรีวิว เผยแพร่บทวิเคราะห์ชื่อว่า Thai junta steps into unfamiliar terrain ahead of first electoral test เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2561 ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐบาลทหารของไทย กำลังจะก้าวเข้าสู่บททดสอบก่อนจะถึงการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 4 ปีกว่า หลังจากกองทัพก่อรัฐประหาร แต่ผลสำรวจความคิดเห็นหลายสำนักบ่งชี้ว่า พรรคการเมืองที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีคะแนนนิยมตามหลังพรรคฝ่ายประชาธิปไตย
บทความของนิกเกอิฯ ระบุด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเปรียบได้กับ 'สายล่อฟ้า' ในบรรยากาศการเมืองช่วงก่อนเลือกตั้ง เพราะเขาไม่เคยผ่านบททดสอบทางการเมืองมาก่อน แต่ก้าวขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 และอยู่ในอำนาจนานกว่าอดีตรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารชุดก่อนๆ ในอดีต ทั้งยังเคยกล่าวว่านักการเมืองเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กองทัพต้องรัฐประหาร แต่ในที่สุด เขาก็กลายเป็นหนึ่งในบรรดานักการเมืองเสียเอง
นิกเกอิฯ ระบุว่า รัฐบาลทหารและพรรคการเมืองที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มีความได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ ในการหาเสียงเลือกตั้ง อ้างอิงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินสายพบประชาชนตั้งแต่ก่อนที่จะประกาศปลดล็อกคำสั่งห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ทั้งยังออกมาตรการสนับสนุนและช่วยเหลือทางการเงินแก่ประชาชนในด้านต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งแทบจะไม่ต่างจากนโยบายประชานิยมในสมัยอดีตรัฐบาล
ถ้าหากพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ได้ที่นั่งเพียง 126 จากทั้งหมด 500 ที่นั่งของสภาผู้แทนราษฎร ผนวกกับ สว. ที่มาจากการแต่งตั้ง 250 เสียง ก็ทำให้พรรคหนุน ทหารมีสิทธิที่จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ทำให้เขาดูมีความมั่นใจว่าจะได้รับเสียงข้างมากในการเลือกตั้งปีหน้า
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเข้าสู่เวทีการเมืองอย่างเต็มตัว และต้องต่อสู้กับนักการเมืองที่มีประสบการณ์อีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงอดีตนักการเมืองที่สังกัดในพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปไตย์ และพรรคเล็กๆ ที่แยกตัวมาจากพรรคใหญ่ ซึ่งต่างก็มีประสบการณ์เป็นรัฐบาลมาแล้วทั้งคู่ โดยเฉพาะ 'พรรคเพื่อไทย' ซึ่งมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากกลุ่มผู้ที่ยังสนับสนุนอดีตนายกฯ ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นอกจากนี้ เงื่อนไขก่อนการเลือกตั้งที่เอื้อประโยชน์ต่อรัฐบาลทหาร รวมถึงกลไกการเลือกตั้งที่ดูเหมือนจะถูกออกแบบมาให้พรรครัฐบาลทหารได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการ ภาคประชาชน รวมถึงพรรคการเมืองที่ประกาศตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตยหลายพรรค จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากการเลือกตั้งในปีหน้าจะถูกจับตามองและตั้งข้อสังเกตจากนานาประเทศ