เพจ "NIDA Thailand" เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เรื่อง กรณีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของบุคลากรสถาบัน โดยระบุว่า ตามที่มีข่าวเผยแพร่ทั่วไป เรื่องประชาชนเข้าชื่อเรียกร้องให้สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า สอบจริยธรรม ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จากกรณีการแสดงออกทางความคิดเห็นผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย ด้วยการสนับสนุนการทำรัฐประหาร เพื่อแก้ปัญหาการเมืองไทยเหมือนในยุคสมัยอดีต และต้องกวาดล้างรุนแรงเหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างอยู่ในขณะนี้นั้น
ศาสตราจารย์ ดร.กำพล ปัญญาโกเมศ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสถาบัน ได้รับทราบข้อมูล รวมถึงข้อกังวลความห่วงใย ตลอดจนความคิดเห็นต่างๆ ที่ได้สะท้อนกลับมายังสถาบัน ซึ่งทางคณะผู้บริหารมิได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด โดยขณะนี้ได้มีการสั่งการให้มีการดำเนินการตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง เพื่อพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ และจรรยาบรรณของบุคลากรสถาบันต่อไป
อธิการบดี และสถาบัน ขอเน้นย้ำจุดยืนที่จะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยสนับสนุนการให้เสรีภาพทางวิชาการ ในการแสดงความคิดเห็นภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายของประเทศไทย และส่งเสริมความคิดเห็นที่สร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยจะไม่ส่งเสริมหรือสนับสนุนความคิดเห็นใดๆ ที่จะนำไปสู่ความแตกแยกของกลุ่มคนในสังคมและประเทศชาติ
สำหรับข้อความที่ อานนท์ โพสต์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน โดยระบุว่า
"รัฐประหารมีความจำเป็นในการเมืองไทย ในฐานะของเครื่องตัดไฟ รัฐประหารไม่ได้ทำให้ประเทศไทยก้าวหน้านัก แต่ทำให้ไม่บรรลัยหรือตายหมู่เกิดสงครามกลางเมือง เมื่อใดก็ตามมีประชาธิปไตยเต็มใบเมื่อใด ประเทศไทยก้าวหน้าไปน้อยมาก ตีกันอย่างหนัก ประชาธิปไตยครึ่งใบแบบสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เหมาะกับประเทศไทยมาก แต่ต้องได้คนเก่งและคนดีแบบป๋าเปรมครับ
ถ้าสถานการณ์มันกัดกร่อนมาก รัฐประหารมีความจำเป็น ป้องกันสงครามกลางเมือง ขจัดภัยของชาติและราชบัลลังก์ ผมคิดว่าอีกไม่นานความจำเป็นที่จะทำรัฐประหารมีแน่นอน ไม่มีทางหลีกเลี่ยง และรัฐประหารเที่ยวนี้ต้องกวาดล้างให้สิ้นซากไม่ให้เหลือขยะแผ่นดิน จำเป็นต้องโหด แบบ 6 ตุลาคม 19 ที่ทำให้กระบวนการฝ่ายซ้ายจัดกระเจิงไม่ผุดไม่เกิดมาเกือบ 30 ปี เที่ยวนี้ก็จำเป็นต้องทำ ขจัดขยะแผ่นดินให้สิ้นซากเสียก่อน แล้วรีบถวายคืนพระราชอำนาจ
ประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญ (Constitutional monarchy) ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute monarchy) และไม่จำเป็นต้องเป็นประชาธิปไตย (Democracy) แต่อย่างใดเลยถ้าประชาชนโง่ ประชาชนชั่ว ประชาชนเลว ประชาชนเห็นแก่ตัว เป็นประชาธิปไตยเมื่อใด ฉิบหายเมื่อนั้น ประชาชนเป็นใหญ่ไม่ได้ ต้องประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ท่านพุทธทาสภิกขุกล่าวไว้ ประชาชนต้องมีธรรมะก่อนจึงเป็นประชาธิปไตยได้ ธรรมาธิปไตยต้องมาก่อน"