ไม่พบผลการค้นหา
กรมขนส่งฯ ชี้การบังคับใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก อยู่ในการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่สำนักข่าวไทยโพสต์ ได้มีการสัมภาษณ์ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีการบังคับใช้คาร์ซีทในเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี หากฝ่าฝืนจะมีค่าปรับ 2,000 บาท ซึ่งกฎหมายจะมีผลบังคับใช้วันที่ 5 ก.ย. นี้ ว่าเรื่องดังกล่าวประชาชนเดือดร้อนมาก เนื่องจากราคาคาร์ซีทค่อนข้างสูงประกอบกับช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี เห็นว่ากฎหมายนี้มีข้อจำกัดหลายเรื่อง จึงมองว่าจะมีปัญหา ขอให้ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ทบทวนปรับปรุงผ่อนปรนกฎหมาย นั้น

กรณีดังกล่าวกรมการขนส่งทางบก ขอเรียนว่า การบังคับใช้คาร์ซีทดังกล่าว อยู่ในการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยเนื้อหาเกี่ยวกับคาร์ซีทจะอยู่ในมาตรา 123 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดให้ผู้โดยสารทุกคนบนรถจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์ และสำหรับเด็กที่มีอายุไม่เกิน 6 ปี จะกำหนดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่าจะต้องใช้เพียงที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือคาร์ซีท เท่านั้น ในการป้องกันอันตรายสำหรับเด็ก นอกจากติดตั้งคาร์ซีทแล้วยังสามารถใช้วิธีการอื่นๆ เช่น จัดหาที่นั่งสำหรับเด็กให้เด็กสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยที่ติดตั้งในรถยนต์ได้ หรืออาจใช้วิธีการป้องกันอื่น ๆ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด เพื่อให้เด็กมีความปลอดภัยในการโดยสาร

ซึ่งการออกประกาศดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องมีการประชุมหารือ กับนักวิชาการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกรมการขนส่งทางบกจะนำปัญหาและข้อห่วงใยของประชาชน เกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่าย เข้าร่วมหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณากรณีการบังคับใช้กฎหมายให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ไม่สร้างภาระให้กับประชาชนที่ยังไม่มีความพร้อมในการจัดหาคาร์ซีท แต่ยังคงหลักการให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

ทั้งนี้ การแก้ไข พ.ร.บ. จราจรทางบกดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความปรารถนาดี ห่วงใยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยมีเจตนารมณ์ที่จะลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุและยกระดับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่าในส่วนกรมการขนส่งทางบก มีภารกิจในการกำกับดูแลเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัยของตัวรถ อุปกรณ์และส่วนควบของรถที่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ. การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ได้กำหนดให้รถยนต์ทุกชนิดต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบรัดหน้าตักและรั้งพาดไหล่ (Three-point belt) หรือแบบรัดหน้าตัก (Lap belt) สำหรับคนขับรถและผู้โดยสารทุกที่นั่ง ซึ่งสอดคล้องกับการบังคับใช้ พ.ร.บ. จราจรทางบกดังกล่าว โดยยกเว้นรถบางประเภทไม่ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัย เช่น รถสองแถว และรถโดยสารประจำทางในเขตเมือง ซึ่งรถที่ไม่ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยก็ได้ยกเว้นการคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับที่นั่งที่ไม่มีเข็มขัดนิรภัยด้วย

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้ตระหนักถึงความสำคัญของการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เพื่อลดการบาดเจ็บ และการสูญเสียชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือมีเหตุฉุกเฉิน จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันรณรงค์และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน