ร่วมขบวน ส.ส.ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย พรรคเสรีรวมไทย กับอีก 1 ส.ส.มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ 1 เดียวของพรรคเศรษฐกิจใหม่
กาชื่อ 1 นายกรัฐมนตรี บวก 5 รัฐมนตรี รวม 6 ชีวิตเป็นเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฝ่ายค้าน “แย้มไต๋” เป็นออร์เดิร์ฟซักฟอก
ในกรณี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แน่นอนว่าต้องถูกขุดไปถึงอดีตกาลสมัยที่นำกองทัพเข้ายึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่เคารพระบอบประชาธิปไตย กระหน่ำซ้ำด้วยการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผิดพลาด ทำเศรษฐกิจฝืดเครือง ในฐานะที่ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นเหมือนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พ่วงประเด็นที่มีกลิ่นตุๆ อย่างกรณีที่การซื้อขายที่ดินย่านบางบอน - บางนา การต่อสัญญาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 50 ปี ซึ่งเอื้อเจ้าสัวน้ำเมา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ถูกข้อกล่าวหาเรื่องล็อกสเป๊กงานพีอาร์ให้บริษัทคนใกล้ชิด ตัวย่อ ช.- บ.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ + นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เป็นข้อกล่าวหาที่เกี่ยวพันกัน กรณีอื้อฉาว “บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส” ตามที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องดำเนินคดี 2 คดี 1.การนำเข้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์ รวมราคาบุหรี่และค่าอากร 20,210,209,582.50 บาท
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถูกพุ่งเป้าซักฟอก กรณีที่เกี่ยวกับการนำเข้าขยะจากต่างประเทศ โยงกับนักลงทุนจีนที่ได้รับอนุญาตให้ผู้ประกอบการเพียง 2 ราย ที่ได้รับอนุญาตนำเข้าขยะ รวมถึงปมโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งโยงถึงบุตรชายเข้ามาเกี่ยวข้อง
และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด คุณสมบัติ – ความเหมาะสมในการเป็นรัฐมนตรี
“สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงความพร้อมศึกซักฟอกอย่างมั่นใจ
“ฝ่ายค้านเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้แล้ว 95 เปอร์เซ็นต์ เนื้อหาสาระลงตัวเรียบร้อย รวมผู้อภิปรายทั้งสิ้น 34-35 คน”
“คาดว่า หลังการอภิปรายมีไม่ต่ำกว่า 5 เรื่องที่จะส่งร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รอบนี้มีเรื่องเซอร์ไพรส์แน่นอน เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วแต่คาดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้มากถึงเพียงนี้ ฝ่ายค้านจะอภิปรายลงลึกจนสามารถเอาผิดรัฐมนตรีได้”
“เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่ยึดมั่นประชาชนจะลุกขึ้นมายื่นคำขาดให้พรรคแกนนำทำอะไรสักอย่าง เหมือนที่พรรคพลังธรรมเคยกดดันจนรัฐบาลขณะนั้นต้องยุบสภาฯ เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์คล้ายกัน”
ทั้งนี้ชื่อรัฐมนตรี 4-5 รายว่าไปพิสูจน์ความผิดที่ ป.ป.ช. มีอย่างน้อย 4 คนชัวร์ 1.พล.อ.ประยุทธ์ 2.ดอน 3.วิษณุ 4.พล.อ.อนุพงษ์ เผลอๆ อาจมีรายที่ 5. พล.อ.ประวิตร
“ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ “พรรคเพื่อไทย” แม่ทัพซักฟอกของพรรค ตั้งชื่อภารกิจซักฟอกครั้งนี้ว่า “ยุทธการอรุณรุ่ง”
“ที่เรียกว่ายุทธการอรุณรุ่ง เพราะ .. เพราะเราไม่ได้อาฆาตมาดร้าย ทุกอย่างจะมีเหตุผลอธิบายในวันที่อภิปราย มีข้อมูลที่ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร (รองประธานกิจการพิเศษพรรค) เสิร์ฟไปบ้างผ่านสื่อ นั่นเป็นแค่ออเดิร์ฟ ส่วนเมนคอร์สจะอยู่ในสภา แล้วจะเห็นว่ารัฐบาลเลวได้ขนาดนี้เลยหรือ”
“หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจคะแนนฝ่ายค้านต้องแพ้อยู่แล้ว แต่เชื่อว่าข้อมูลที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์และผมมี รัฐบาลจะอาย เดินถนนลำบาก แม้โรค (โคโรนาไวรัส) หมดไปแล้วแต่รัฐบาลยังต้องสวมหน้ากาก เพราะอาย”
“รัฐบาลถูกอภิปรายแล้วต้องอาย พวกที่ทำตัวเป็นองครักษ์จะไปรู้ข้อมูลอย่างไร พวกนี้ดูแล้วเป็นนางงามตกรอบทั้งนั้น”
ส่วนฝ่ายค้านเบอร์ 2 อย่าง “อนาคตใหม่” แม้จะเพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ตัดสิทธิแกนนำตัวหลักอย่าง ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ พ้นจากสภาฯ ไป จาก 76 เสียง เหลือ 65 เสียง ก็คาดการณ์ว่าจะยังจัดทัพ 15 ขุนพล ไว้อภิปรายแบบจัดหนักกับรัฐบาล พุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ พล.อ.ประวิตร ร.อ.ธรรมนัส + นายวิษณุ ยกเว้น นายดอน เพียงคนเดียว เพราะข้อมูลไปไม่ถึง
พรรคประชาชาติ พุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหลัก เช่นเดียวกับ เสรีรวมไทย - เพื่อชาติ ส่วน “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ” ที่แยกตัว ตัดความสัมพันธ์ออกจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ถอนตัวจากการเป็นพันธมิตรฝ่ายค้าน จะใช้โควตาเวลาของ “เพื่อไทย” ซักฟอก “พล.อ.ประยุทธ์” ในด้านผลงานแก้วิกฤตเศรษฐกิจที่ไม่ตรงเป้า ทำประชาชนเดือดร้อน
โดยรวมๆ แล้ว พรรคเล็กในซีกฝ่ายค้านจะได้โควตาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพรรคละ 1-2 คน
ขณะที่การ “ผนึกกำลัง” ในภาพรวมของ 6 พรรคฝ่ายค้าน นั้น
จะมีทีมหน้างานในสภา เผชิญสถานการณ์จริงโดยวิปฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรค คอยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
ถัดจากหน้างานเป็นทีม “วางกลยุทธ์” เป็นวอร์รูมที่รวบรวมหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรคทั้ง 6 พรรค สำหรับดู - ประเมินสถานการณ์ ประสานกับทีมหน้างาน
ถัดจาก “ทีมกลยุทธ์” มาสู่ “ทีมหลังบ้าน” แต่ละพรรคจะมี “ทีมงานหลังบ้าน” คอยซัพพอร์ตข้อมูลหลัก ข้อมูลเสริม – เสริมทัพด้วยทีมโซเชียลมีเดีย
ตัดต่อ – อัพโหลดคลิปไฮไลต์การอภิปรายของขุนพลซักฟอกของแต่ละพรรคลงโซเชียลมีเดีย
ในส่วนเพื่อไทย “ร.ต.อ.เฉลิม” ขนานนามตนเองว่า....“ทีมผมจะเป็น บก.ส่วนหลัง”
แม้ในสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านอาจจะแพ้จำนวนมือฝ่ายรัฐบาล ที่ไม่ใช่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอีกต่อไป
ในทางตรงกันข้าม พรรคฝ่ายค้านจำนวนเสียงลดลง เหลือ 224 เสียง ขณะที่รัฐบาลยังคงมีเสียงเท่าเดิม 263 เสียง โดยสภาฯ ปัจจุบันมียอด ส.ส.เท่าที่มีอยู่ 487 คน เสียงโหวตไว้วางใจตัวรัฐบาลจะต้องมากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาฯ เท่าที่มีอยู่หรือมากกว่า 244 เสียง หากไม่ผิดพลาดอะไร ตัวรัฐมนตรีที่ถูกขึ้นเขียงชำแหละน่าจะได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจ
แต่ตอนจบของศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านหวังว่าจะทำให้ ประชาชนเสื่อมศรัทธา “ระบอบประยุทธ์” มากกว่าในเวลานี้
อย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม ว่าไว้ “แม้โรค (โคโรนาไวรัส) หมดไปแล้วแต่รัฐบาลยังต้องสวมหน้ากาก เพราะอาย”