ไม่พบผลการค้นหา
แพร่ สำรวจ ‘เวียงเชียงชื่น’ เมืองโบราณ พบหลักขวานหินขัด-วัตถุโบราณ อายุกว่า 2000 ปี เตรียมดันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แห่งใหม่ ด้านกรมศิลปฯ เตรียมฟื้นฟู-ค้นต่อ

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ เขต3 พร้อมนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ลงพื้นที่สำรวจเมืองโบราณ ‘เวียงเชียงชื่น’ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตพื้นที่สวนหินมหาราช ต.ต้าผามอก ตลอดจน เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กรุสมบัติเวียงเชียงชื่นที่วัดสะแล่ง อ.ลอง โดยมีนายธีระ แก้วมา นายอำเภอลอง นายเสน่ห์ แสนมูล ผอ.ส่วนอำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 นายวิทวัธ รองเดช หัวหน้าอุทยาน ดอยผากลองและเจ้าหน้าที่ดอยผากลองตัวแทน องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่และท้องถิ่น จ.แพร่ร่วมสำรวจ

635975.jpg

ซึ่งจากการสำรวจได้พบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย อาทิ มีร่องรอยและข้อมูลของวัดที่ค้นพบในบริเวณนี้ ถึง 7 วัด มีเจดีย์ขนาดใหญ่หลายแห่ง มีพระพุทธรูปโบราณและพบขวานหินขัด ซึ่งคาดว่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า 2500 ถึง 3000 ปี รวมถึงวัตถุโบราณล้ำค่า อีกมากมาย ซึ่งพบว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มี พระพุทธรูปโบราณที่ถูกขุดพบและถูกนำไปประดิษฐานอยู่ในวัดต่างๆในพื้นที่ของอำเภอลองแล้วจำนวนมาก บางแห่งเรียกว่าเป็นกรุสมบัติ เวียงเชียงชื่น มหาสมบัติแห่งล้านนา เช่น ที่วัดสะแล่ง อ.ลอง จ.แพร่ เป็นต้น

637372.jpg

โดยเมืองโบราณเวียงเชียงชื่น แห่งนี้ จากพงศาวดาร และการสืบค้นพบว่า ได้กำเนิดขึ้นมาในยุคเก่าแก่ โบราณสืบทอดกันมา คาดว่ามีอายุกว่า 2,500 ปี มีอาณาเขตอยู่บนพื้นที่ประมาณ 519 ไร่ จากตำนาน พงศาวดารทั้งโยนกและพงศาวดารไทยใหญ่ พบว่าปริศนาเมืองโบราณนี้มีมาตั้งแต่ช่วงก่อนพุทธกาล และพระนางจามเทวีเคยได้มาเยือนเมืองนี้และเรียกชื่อว่า เววาภาสิต แต่ด้วยปรากฏมีแร่โลหะที่เมืองโบราณแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ผู้คนจึงเรียกเมืองนี้ว่า เวียงเชียงชื่น ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองลอง ในเวลาต่อมา

635971.jpg

นายวรวัจน์ กล่าวว่า จ.แพร่พร้อมเปิดเมืองโบราณนี้ต่อสายตาชาวไทย และชาวต่างชาติ ตนเชื่อว่า ความยิ่งใหญ่ของที่นี่ จะสร้างความตื่นตาต่อผู้มาเยือน และอนาคตเวียงเชียงชื่นแห่งนี้จะกลายเป็นสัญญลักษณ์ การกำเนิดของเมืองที่มี อารยธรรมที่เก่าแก่โบราณ ของไทย และจะกลายเป็น แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยด้วย

ด้านนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา กรมศิลปากรยังสำรวจและมีข้อมูลเมืองแห่งนี้น้อยมาก แต่เมื่อพบหลักฐานที่สำคัญและน่าสนใจแบบนี้ กรมศิลปากรจะเร่งสำรวจข้อมูลและรวบรวมวัตถุโบราณตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปและจะได้จัดงบประมาณปี 68 และปี 69 เพื่อทำการฟื้นฟูและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทันที ก่อนที่หลักฐานสำคัญและวัตถุโบราณต่างๆจะถูกนำออกไปและกระจัดกระจายสูญหายไปจากเวียงเชียงชื่นแห่งนี้ มากกว่านี้