ไม่พบผลการค้นหา
‘เศรษฐา’ ชี้ ‘รทสช.’ ช่วยขยายผลนโยบาย ‘เพื่อไทย’ หลังทำคลิปล้อเลียนนโยบาย เมินใส่ใจวิธีการพรรคอื่นหาเสียง เรียกร้อง กกต.เอาใจใส่สอบพรรคการเมืองซื้อเสียง ลั่นไม่ให้ค่า ‘กระสุน’ มาสู้กระแส เชื่อนโยบาย ‘เพื่อไทย’ โดนใจประชาชน ยัน ‘เพื่อไทย’ เป็นเหยื่อ-ไม่เอารัฐประหาร

วันที่ 21 เม.ย. 2566 ที่ริมโขงบ้านสะเงียว ตำบลกวนวัน อ เมือง จ.หนองคาย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติทำคลิปวิดีโอล้อเลียนนโยบายของพรรคเพื่อไทย ว่า ก็ดี ช่วยขยายความนโยบายของพรรคเพื่อไทย แสดงว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยต้องโดน ก็ไม่เป็นไรที่มีการทำคลิปล้อเลียน ทั้งนี้พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่ศัตรูของตน แต่ศัตรูของตน คือ ความยากจนความลำบากของพี่น้องประชาชน ความไม่เสมอภาคและความไม่เท่าเทียม ตนได้มีความเห็นถึงวิธีการหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งแต่ละภาคก็มีวิธีการหาเสียงของใครของมัน 

ทั้งนี้ การหาเสียงของพรรคเพื่อไทยก็มีการเดินสาย 4 เวทีปราศรัยในวันเดียวกันนี้ ระหว่างทางเดินสายก็มีการพูดคุยเรื่องนโยบายกับพี่น้องประชาชนว่าอะไรทำได้ ส่วนเรื่องใดที่ทำไม่ได้ก็รับไว้ไปพิจารณา พรรคเพื่อไทยมีความจริงใจและเดินหน้าทำนโยบายต่อไป ตนไม่ได้ใส่ใจกับวิธีการหาเสียงของพรรคการเมืองในลักษณะล้อเลียน

เศรษฐา ระบุถึงกรณีมีคลิป อสม.จดชื่อประชาชนเพื่อไปซื้อเสียงใน จ.หนองคาย ว่า ตนเศร้าใจ เพราะกรณีนี้คงไม่ใช่มีที่จังหวัดหนองคายอีกเพียงจังหวัดเดียว และทุกที่ก็มีเหมือนกัน ดังนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับวิธีการซื้อเสียงอยู่แล้ว แล้วจะเดินหน้าในนโยบายของพรรคเพื่อไทยซึ่งโดนใจพี่น้องประชาชนที่ ‘คิดใหญ่ ทำเป็น’ และเราก็จะเดินหน้าเผยแพร่นโยบายอย่างเต็มที่ และพรรคเพื่อไทยก็จะได้รับความไว้วางใจให้พี่น้องประชาชนเข้าคูหากาพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้กระแสสู้กับกระสุนอย่างไร เศรษฐา ระบุว่า ตนไม่ทราบว่ากระสุนคืออะไร ตนไม่เข้าใจกระสุนและก็ไม่ให้ค่าด้วย เราจะพูดถึงนโยบายที่โดนใจและเข้าถึงพี่น้องที่ยากลำบากมากเท่านั้น ซึ่งนโยบายพรรคเพื่อไทย ตนไม่อยากเรียกว่ากระแส เพราะกระแสมาแล้วก็ไป แต่เรื่องนโยบายไม่ใช่กระแส เพราะเป็นเรื่องที่โดนใจพี่น้องประชาชนอย่างมากและ ถึงเวลาเข้าคูหาวันที่ 14 พ.ค.นี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐโจมตีว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายที่จะทำให้ภาคอีสานแลนด์สไลด์ได้ เศรษฐา ระบุว่า ตนคิดว่านโยบายที่พรรคเพื่อไทยคิดเพียงพอแล้ว พรรคพลังประชารัฐจะพูดอะไรจะทำอะไร ตนเชื่อว่าคนอีสานฉลาดพอ และรู้ทันว่าพรรคการเมืองใดออกนโยบายที่โดนใจพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยมั่นใจและจะเดินสายต่อไป

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐออกจดหมายจบที่ 10 ยกถึงผลงานของตัวเองสามารถทำให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบ นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่เห็นและไม่ได้ยินและก็ไม่ทราบ เพราะการออกกฎหมายเป็นเรื่องของรัฐสภา ซึ่งการทำให้ระบบเลือกตั้งมีบัตรสองใบออกมาได้ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และก็มีความลำบากที่บัตรเลือกตั้งสองใบเบอร์ผู้สมัครและพรรคการเมืองมีความแตกต่างกัน ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงแต่ก็เป็นกติกาเดียวกันทุกพรรค

เมื่อถามว่าการยกผลงานบัตรเลือกตั้งสองใบของ พล.อ.ประวิตรเป็นการตอกย้ำว่า พล.อ.ประวิตรสามารถสั่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ได้หรือไม่ เศรษฐา ระบุว่า ตนเชื่อว่า ส.ว.เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ หลายท่านได้สะสมประสบการณ์การทำงานมานาน เป็น คนมีเกียรติและศักดิ์ศรี ทั้งนี้ จิตวิญญาณของ ส.ว.ขึ้นมาเพื่อสะท้อนความต้องการของพี่น้อง และ ส.ว.ต้องมีจิตวิญญาณของประชาชน

“พรรคเพื่อไทยมีหัวใจยึดโยงประชาชนเป็นหลัก และไม่เอารัฐประหาร และ เป็นเหยื่อของการรัฐประหาร ไปดูใครเป็นคนรัฐประหาร ผมคิดว่าประชาชนสามารถตัดสินได้” เศรษฐา ระบุ

ส่วนการหาเสียงของ พล.อ.ประวิตร ที่ใช้เป็นวิธีการหาเสียงด้วยการออกจดหมายนั้น ตนมองว่าวิธีการของพรรคพลังประชารัฐนั้น ซึ่งตนให้เกียรติวิธีการหาเสียงนี้ หากได้คะแนนเสียงเยอะก็สามารถทำได้ และเป็นการระบายความในใจ แต่ของพรรคเพื่อไทยก็มีวิธีหาเสียงของพรรคเพื่อไทย