วันนี้ (16 ตุลาคม 2568) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 31 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ 'ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์' สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถึงกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง 45 ตำแหน่งภายในกระทรวงมหาดไทย ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า ตนมีความกังวลว่า การโยกย้ายดังกล่าวไม่ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศชาติและประชาชน และถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ในการเลือกตั้งของพรรคฝ่ายรัฐบาล 

ทั้งนี้ ในการโยกย้ายข้าราชการครั้งใหญ่ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน บางคนที่ถูกโยกย้ายถูกมองว่ามีความเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือคดีของรัฐมนตรีบางรายให้พ้นผิดหรือไม่ ที่สำคัญ ผู้ว่าราชการบางรายเพิ่งเข้ารับดำรงตำแหน่งได้ไม่นาน กลับต้องถูกโยกย้ายโดยที่ยังไม่ได้ทำความผิด 

ขณะที่ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บพนัน ที่กลับมาระบาดอย่างหนัก แต่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังไม่มีมาตรการใด ๆ รับมือ ในขณะที่ทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ กำลังกดดันกัมพูชาและใช้มาตรการขุดรากถอนโคน เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกลวงพลเมืองของประเทศตนเอง หากรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทินฯ ไม่ดำเนินการใด ๆ ก็ถือเป็นการเปิดทางให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้เข้ามาหลอกลวงคนไทย

ด้านนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงภายในกระทรวงมหาดไทย ว่า ตามปกติช่วงเดือน ต.ค.ของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้าย เนื่องจากเป็นช่วงสิ้นปีงบประมาณ ถือภายในวันที่ 30 ก.ย.ของทุกปี มีข้าราชการเกษียณกว่า 20 ตำแหน่ง ทำให้ต้องมีการหมุนเวียนตำแหน่งที่ว่างลง ทั้งนี้ รัฐบาลชุดที่แล้วก็มีการโยกย้ายข้าราชการครั้งใหญ่นอกฤดูกาล ถึง 3 ครั้ง และหากข้าราชการคนใดเห็นว่าตนเองถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม ก็สามารถร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) หรือฟ้องศาลปกครองได้ และไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อทำให้ประชาชนสับสน

ด้านการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายศักดิ์ดา แจงว่า แม้ว่ารัฐบาลชุดที่แล้วอ้างว่าได้ปราบปรามอย่างจริงจังแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทำให้หมดไป 100% รัฐบาลชุดปัจจุบันเพิ่งเริ่มทำงานได้เพียง 10 กว่าวันเท่านั้น และยังคงปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้อยู่ โดยเฉพาะการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและกัมพูชา หลังจากที่มีการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ไม่มีการลักลอบนำมันสำปะหลังจากกัมพูชาเข้ามา ส่งผลให้ราคาพืชผลทางการเกษตรสูงขึ้น โดยเฉพาะราคามันสำปะหลังที่ขึ้นไปถึงตันละ 3,000 - 3,500 บาท