นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย ไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ กรณีที่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพจะร้อง กกต. ให้มีการยุบพรรคพลังประชารัฐ เพราะเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรค เหตุครอบงำพรรค-ใช้ตำเเหน่งทรัพยากรรัฐให้คุณโทษผู้สมัคร-เป็นปฏิปักษ์การปกครองประชาธิปไตย พร้อมระบุเป็นเรื่องของพรรค
นายวิษณุ ยังไม่ตอบประเด็นที่ประชาชนเขตบางแค เขียนข้อความเชียร์พลเอกประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 ไป บนลายธงชาติ ว่า ไม่ทราบกรณีนี้ แต่เคยเห็นการเขียนข้อความเชียร์มามาก ซึ่งประชาชนทำขึ้น ส่วนจะเข้าข่ายอาจผิด พ.ร.บ.ธงชาติหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ แต่ พ.ร.บ.ดังกล่าว ส่วนใหญ่ ห้าม ใช้ธงชาติโฆษณาสินค้า รวมถึงสื่อลามกอนาจาร เท่านั้น และเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะมีแต่ละพรรคการเมืองถูกร้องเรียน และเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ประกาศว่ามีผู้สมัคร ส.ส.ขาดคุณสมบัติกว่า 500 คน ว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจของ กกต. ในการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งในวันรับสมัครนั้นอาจไม่มีเวลาเพียงพอที่จะตรวจสอบให้ละเอียด แต่ได้นำกลับมาตรวจภายหลังแล้วพบ ก็ต้องประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส.ที่มีคุณสมบัติครบ และประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส.ที่ขาดคุณสมบัติ และถูกตัดสิทธิ์ ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ซึ่งผู้สมัคร ส.ส.สามารถร้องต่อศาลฎีกาพร้อมนำหลักฐานไปชี้แจงให้ศาลพิจารณาคุณสมบัติอีกครั้งได้ ซึ่งการพิจารณานี้จะเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุดตามที่กฎหมายกำหนด
โดยผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตต้องร้องด้วยตนเอง แต่แบบบัญชีรายชื่อ ทางพรรคการเมืองจะต้องเป็นผู้ร้อง หากไม่ร้องก็จะถือว่าถูกตัดสิทธิ์และต้องขยับลำดับในบัญชีรายชื่ออื่นๆ ขึ้นมาแทน ทั้งนี้ สามารถนำหลักฐานไปแสดงต่อศาลได้เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหา อาทิ หากเคยต้องโทษก็ชี้แจงได้ เพราะทุกกรณีไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่สร้างความสับสนหรือปัญหาใดให้กับประชาชน เพราะกกต.ได้เร่งวินิจฉัยแล้ว เชื่อว่าศาลฎีกาก็จะพิจารณาได้รวดเร็วเช่นกัน ทั้งนี้ ตนได้เคยเตือนตั้งแต่แรกแล้วว่าให้เตรียมเอกสารให้พร้อม เพราะบางคนคุณสมบัติครบแต่หลักฐานไม่ครบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเพียงแต่ครั้งนี้มีผู้สมัครจำนวนมาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง