ไม่พบผลการค้นหา
อดีตนักข่าวหนังสือพิมพ์ดัง โพสต์เฟซบุ๊กว่า 'พานทองแท้ไม่อยู่ไทยแล้ว' ทำให้ 'พานทองแท้ ชินวัตร' ท้าผู้เผยแพร่ข้อมูลแสดงความรับผิดชอบหากตนโพสต์แสดงตัวว่าอยู่ไทยจริง พร้อมพาดพิงสื่อคนดังกล่าว เคยเสนอข่าว 'รันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิร้าว' จนต้นสังกัดเลิกจ้าง

เฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เผยแพร่ข้อความพาดพิงถึง 'นักเต้าข่าว' รายหนึ่ง ซึ่ง "เคยประโคมข่าวเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิแตกร้าว โดยใช้เทคนิคในการถ่ายภาพ ทำให้ดูเสียหายมากกว่าของจริง ตอนช่วงรัฐประหารปี 49" ทั้งยังระบุว่า การกระทำดังกล่าวส่งผลให้ชื่อเสียงของประเทศไทยเสียหายไปทั่วโลก และทำให้หนังสือพิมพ์ต้นสังกัดถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายนับพันล้านบาท จนต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการให้นักข่าวต้นเรื่องออกจากงาน 

ล่าสุด นักข่าวคนดังกล่าวได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้าง 'ฝ่ายความมั่นคง' ว่า นายพานทองแท้ไม่อยู่เมืองไทยแล้ว พร้อมทั้งท้าให้โพสต์ภาพโชว์ถ้ายังอยู่ในเมืองไทยจริง ทำให้นายพานทองแท้ตั้งคำถามกลับว่า "พูดให้เสียหายกันแบบนี้ ถ้าผมอยู่เมืองไทย ไม่ได้ไปไหน คนเต้าข่าวจะแสดงความผิดชอบอย่างไร...??"

"เอาแบบนี้มั้ยครับ ถ้าผมแสดงตัวว่าผมอยู่ไทยจริง คนเต้าข่าวยอมเอาตะกร้อมาครอบปากตัวเอง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความปากพล่อยของตัวเอง ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายทั้ง 2 ข่าว 2 ครั้ง มั๊ยครับ..? ถ้าโอเคเดี๋ยวผมจัดให้ โพสต์แบบสิ้นสงสัยว่าอยู่ที่ไหนกันแน่? แต่ถ้าไม่กล้าก็หุบปาก และเลิกเรียกตัวเองว่าสื่อ คอยเต้าข่าวใส่ร้ายผู้อื่นให้เสียหาย จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่านี้เยอะครับ!!"


FB-Oak Panthongtae Shinawatra-พานทองแท้ท้าเสริมสุข อดีตนักข่าวรันเวย์ร้าว.JPG

ข้อความในเฟซบุ๊กของนายพานทองแท้ระบุด้วยว่าการกระทำดังกล่าว "เป็นการรับจ๊อบเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นความล้มเหลวของรัฐบาลหรือไม่ก็ไม่ทราบ"

นอกจากนี้ นายพานทองแท้ยังระบุด้วยว่า เรื่องที่นักข่าวคนดังกล่าวเคยโจมตีอดีตรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ "ในที่สุดก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ สนามบินสุวรรณภูมิ ที่โดนประโคมข่าวจนเสียชื่อเสียงยับเยิน ยังคงเปิดให้บริการ รองรับเที่ยวบินจนถึงปัจจุบัน ทะ��ุล้านเที่ยวบิน ขนนักท่องเที่ยวมาเมืองไทย หลายร้อยล้านคนมาแล้ว... คนพูดให้ประเทศชาติเสียหาย ก็ไม่เคยออกมาขอโทษประเทศไทยอันเป็นที่รักของทุกคนเลยสักครั้ง" 

แม้ว่านายพานทองแท้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ 'นักเต้าข่าว' แต่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์จำนวนหนึ่งได้นำข้อความจากเฟซบุ๊ก Sermsuk Kasitipradit ไปเผยแพร่ต่อหลายราย โดยข้อความที่ปรากฏในเฟซบุ๊กดังกล่าวระบุว่า "ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี ....ยาวโล๊ดดดด...ไอจีของโอ๊ค พานทองแท้ บุตรชายนักโทษหนีคดี ยังโพสต์ข้อความให้กำลังใจกองเชียร์ว่าซู่ซู่ไม่ได้หนีไปไหน ความจริงหายตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ธ.ค.ที่นักโทษหนีคดีพร้อมน้องสาว แดะแดะ มาสิงค์โปร์"

"ไม่หนีได้เยี่ยงไร เพราะจำเลยปากสำคัญในคดีฟอกเงินกฤษดามหานคร พร้อมเปิดใจถึงเบื้องหลังโอนเงินกินเปล่าสิบล้านเข้าบ้ญชีลูกโอ๊ค หลังรัฐบาลทักษิณอนุมัติเงินกู้เกือบหมื่นล้านบาท และจะมีการรวมคดีฟอกเงินของกฤษดามหานครกับเงินสิบล้านของโอ๊คเป็นคดีเดียวกัน ทำให้นักโทษหนีคดี ตัดสินใจวางแผนให้ลูกโอ๊คหนี ในช่วงที่ยังไม่เริ่มการไต่สวนในศาล คงประเมินแล้วจากเหตุการณ์ฟ้ามีตา ขืนชักช้าลูกชายจะแจ่มจันทร์ยาว....เหมือนเจ๊แดงที่ต้องรีบเผ่นเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ ปปช.ยังไม่ได้ส่งฟ้อง ข่าวนายบุญทรงเปิดปากพูดโยงใยเจ๊แดงมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นซึนามิลูกใหญ่ ทำให้เผ่นไปตั้งหลักเคลียร์เสบียงที่ กพช."

"มีข้อสังเกตตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา โอ๊คโพสต์ภาพปกติในไอจี ให้เห็นว่ายังไม่ได้ไปไหน แต่หากสังเกตอย่างละเอียดภาพแต่ละช่วงเป็นภาพที่ทำไว้ล่วงหน้า บางช่วงผมสั้นมายาวแล้วไปสั้นวนไป บางภาพใส่กางเกงซ้ำวัน...ภาพแรกโพสต์วันที่13 ภาพสองวันที่16 ผมยาวเร็วผิดปกติใยสามวัน เชื่อเป็นภาพที่ถ่ายเก็บไว้ล่วงหน้าช่วงหลบหนี.."


FB-Sermsuk Kasitipradit-เป๊บซี่ เสริมสุข กษิติประดิษฐ์-นักข่าวรันเวย์ร้าว.JPG

เฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นของนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ อดีตหัวหน้าข่าวสายทหารและความมั่นคงของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ซึ่งรายงานข่าวรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิร้าวเมื่อเดือน ส.ค. 2548 และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับคำสั่งจากอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ให้ดำเนินการฟ้องร้องหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ จนมีการให้นายเสริมสุขออกจากงาน เขาจึงฟ้องกลับอดีตหนังสือพิมพ์ต้นสังกัด ในข้อหา "เลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม"

คดีฟ้องร้องระหว่างนายเสริมสุขและบางกอกโพสต์กินเวลายาวนานนับ 10 ปี จนกระทั่งศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อเดือน มิ.ย.2558 โดยตัดสินว่า การเลิกจ้างนายเสริมสุขของบางกอกโพสต์ เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ทั้งยังสั่งให้บริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ จ่ายค่าชดเชยจากกองทุนเลี้ยงชีพในส่วนเงินสมทบของบริษัท 623,700.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเลิกจ้าง พร้อมให้จ่ายค่าเสียหายจากการขาดรายได้จำนวน 8 ล้านบาท และค่าเสียหายต่อเกียรติยศชื่อเสียงจำนวน 5 ล้านบาท รวม 13 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี 

ส่วนคดีที่อดีต รมว.คมนาคมฟ้องบางกอกโพสต์ ศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2549 ซึ่งโจทก์-จำเลย ต่างนำพยานเข้าสืบ แต่ระหว่างพิจารณาคดีทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจากันในยุครัฐบาลทหารของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และสามารถตกลงกันได้ จนมีมติให้ถอนฟ้อง 

ขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการตามปกติจนถึงปัจจุบัน