ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.เพื่อไทย นครพนม ทวงนักการเมืองฟังเสียงประชาชน และจิตสำนึกตนเองเป็นหลัก ด้าน โฆษกพรรค ถามพรรคที่เคยหาเสียงไม่หนุนสืบทอดอำนาจ จะกล้าหักหลังประชาชนที่เลือกเข้ามาหรือไม่

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย จังหวัดนครพนม กล่าวให้ความเห็นต่อผู้เกี่ยวข้องต่อการตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาล ด้วยปัจจัยสำคัญคือ ขอให้ฟังเสียงประชาชนจากการเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา ได้สะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการออกจากการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งมีกระบวนการสืบทอดอำนาจต่ออย่างชัดเจน ตั้งแต่การกำหนดกติกาที่แยบยล โดยเป็นทั้งกรรมการและเป็นทั้งผู้เล่นไปในตัว ไม่มีความเป็นกลาง มีผลประโยชน์ทับซ้อน ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการเอาเปรียบ ไม่ฟรีและไม่แฟร์ รู้ถึงไหน อายถึงนั่น เพียงแต่เจ้าตัว ที่ไม่รู้จักคำว่าอาย สะกดคำว่าอาย ไม่เป็น


ชวลิต วิชยสุทธิ์
  • ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย จังหวัดนครพนม

ด้านผลสำรวจความคิดเห็นสวนดุสิตโพล เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2562 วาระครบ 1 เดือน หลังการเลือกตั้ง ยังแสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ ถึงร้อยละ 40.71 รอคอยรัฐบาลใหม่ และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และขอให้พรรคการเมืองสำรวจจุดยืนตัวตนของตนเอง ว่าอาสาเข้ามาทำงานการเมืองด้วยวัตถุประสงค์ใด เพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติ หรือเพื่อใคร ตัวอย่างวิธีสำรวจตนเองง่าย ๆ คือทำจิตให้มีสมาธิ แล้วทบทวนไปมาว่า 5 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลนี้ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากทัอง ได้หรือไม่ คนจนเพิ่มขึ้น หรือลดลง ปัญหาคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น หรือลดลง ชาวโลกให้ความเชื่อมั่นประเทศไทยหรือไม่ การลงทุนเพิ่มขึ้น หรือลดลง หนี้สินครัวเรือนประชาชนเพิ่มขึ้น หรือลดลง ฯลฯ และเมื่อสืบทอดอำนาจได้สำเร็จ ประชาชนและประเทศชาติจะประสบเคราะห์กรรมภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ อย่างไร

เมื่อได้ทบทวนดูแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล ก็จะได้คำตอบ เป็นคำตอบที่ตรงใจประชาชนและตนเอง สำหรับตนลงพื้นที่พบประชาชนครั้งใด ต่างบ่นว่า "จะอดตาย" กันอยู่แล้ว ตั้งสติให้ดี ยังมีเวลาตัดสินใจ เพื่อประชาชนที่เลือกท่านมา และเพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รัก เคยสัญญากับประชาชนไว้แล้วว่าจะทำเพื่อประชาชน ประชาชนเห็นอย่างไรก็จะเห็นอย่างนั้น ประชาชนรอคอยความหวัง หวังว่าจะมีความเห็นตรงกับเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน

'ลดาวัลลิ์' ขอพรรคการเมืองฟังเสียงประชาชน อย่าคิดหักหลังกัน

ด้าน นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมืองขณะนี้ท่ามกลางความพยายามใช้อำนาจใช้กติกาที่สุ่มเสี่ยงขัดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อความสำเร็จการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารที่ได้ยึดอำนาจรัฐบาลของประชาชนเมื่อปี 2557 แต่ในช่วง 5 ปีของการบริหารประเทศโดยคณะรัฐประหารดังกล่าว กลับทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยตกต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ประชาชนชาวไทยทุกข์ยากแสนสาหัสถ้วนหน้าได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจปากท้องทดถอย สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ย่ำแย่ได้กลายมาเป็นประเด็นทางการเมืองที่หลายพรรคการเมืองนำมาใช้เป็นหัวข้อปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง โดนใจประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ 

นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า ได้เกิดกระแสความหวาดกลัวการจะกลับมาบริหารประเทศของ "คณะรัฐประหาร2557" เพราะกลัวว่าจะมาซ้ำเติมให้เศรษฐกิจยิ่งตกต่ำลงไปอีก หลายพรรคการเมืองจึงประกาศต่อสาธารณชนบนเวทีปราศรัยหาเสียงว่า "พรรคของตนไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ" และสื่อมวลชนก็ได้นำคำปราศรัยของแกนนำพรรคการเมืองดังกล่าวมาเผยแพร่ไปแล้วจนได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนทำให้ได้ที่นั่งในสภาฯกันถ้วนหน้า แต่พอถึงวันนี้อันเป็นช่วงเวลาของการแย่งชิงกันรวบรวมเสียงให้มากที่สุดเพื่อให้มีอำนาจในการจัดตั้งรัฐบาล ระหว่าง "ฝ่ายหนุนการสืบทอดอำนาจกับฝ่ายหนุนประชาธิปไตย" กลับมีชื่อของพรรคการเมืองหลายพรรคปรากฏในสื่อมวลชนว่าจะไปหนุนฝ่ายสืบทอดอำนาจ มีการแบ่งเค้ก จัดสรรตำแหน่งใน ครม.กันแล้ว การกระทำดังกล่าวของพรรคการเมืองต่างๆนั้น ได้สร้างความสะเทือนใจ ความผิดหวังให้แก่ประชาชนผู้ให้การสนับสนุนเลือก ส.ส.ของพรรคเหล่านั้นไปแล้ว  แต่แกนนำของพรรคดังกล่าว "พลิกลิ้น" กลับคำพูดมาหนุน "พล.อ.ประยุทธ์" ไม่เคารพสิทธิเสียงของประชาชนที่ได้มอบให้ 


ลดาวัลลิ์-เพื่อไทย-พรรคการเมือง-สื่อของเด็ก-เสวนา
  • ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า ตามที่มีข่าวว่าฝ่ายหนุนการสืบทอดอำนาจรวบรวมเสียงได้ 138 ที่นั่ง ฝ่ายหนุนประชาธิปไตยรวบรวมเสียงได้ 245 ที่นั่ง ในขณะที่ฝ่ายที่ยังไม่ประกาศตัวว่าจะหนุนฝ่ายใด มีอยู่ 116 ที่นั่ง 4 พรรคด้วยกัน คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคชาติพัฒนา จนเกิดเป็นกระแสเรียกร้องจิตสำนึกของทั้ง 4 พรรคการเมืองให้คำนึงถึงความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนมาประกอบการตัดสินใจที่จะหนุนฝ่ายใดจัดตั้งรัฐบาล ถ้าหากหนุนฝ่ายประชาธิปไตยก็จะมีเสียงมากขึ้นคือ 245+116 = 361 ที่นั่ง เพราะประชาชนเชื่อว่าถ้าหากทั้ง 4 พรรคดังกล่าวนี้หนุนฝ่ายประชาธิปไตยก็จะได้รัฐบาล ที่มีนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เข้มแข็งได้อย่างเป็นรูปธรรม อันเป็นแนวทางช่วยเหลือประชาชนชาวไทยทุกคนให้หลุดพ้นจากความยากจน จากภาระหนี้สินล้นพ้นตัวได้ในเวลาไม่นาน

“ขอถามไปยัง 4 พรรค 116 ที่นั่งว่า 1.วันนี้ท่านจะเลือกช่วยเหลือประชาชน หรือจะเลือกข่วยเหลือตัวเอง 2.ท่านจะหนุนฝ่ายประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ 3.ท่านจะหนุนฝ่ายสืบทอดอำนาจจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ 4.ถ้าพวกท่านเคยหาเสียงไม่เอาสืบทอดอำนาจ แต่มาวันนี้กลับหนุน"ลุงตู่" อยู่ต่อ ถือเป็นการหักหลังประชาชนที่เลือกเข้ามาหรือไม่?” นางลดาวัลลิ์กล่าวทิ้งท้าย