เมื่อวันที่ 6 ก.ย. องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คน ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงอ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี จำนวน 200 หน้า
ผลปรากฏว่า พิพากษาจำคุก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอีก 6 ปี จากเดิมมีกำหนดจำคุก 42 ปี รวมเป็น 48 ปี เนื่องจากเห็นว่าสิ่งที่นายบุญทรง ยื่นอุทธรณ์มาว่าทำตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้ยุทธศาสตร์การระบายข้าวของรัฐบาล ฟังไม่ขึ้น และการกระทำผิดของนายบุญทรงถือเป็นการสมคบคิดร่วมกันกระทำผิดของนักการเมือง และข้าราชการ รวมถึงนักธุรกิจ
ศาลฎีกายังให้ลงโทษ บริษัทโรงสี ได้แก่นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท จำเลยที่ 26 และนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท จำเลยที่ 28 จากเดิมที่ยกฟ้อง ให้จำคุกคนละ 4 ปี พร้อมปรับ25,000บาท
นอกจากนี้ยังให้ปรับนิติบุคคล ซึ่งเป็นโรงสี อีก 4 รายคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร จำเลยที่ 22 บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด โดยนายทวี อาจสมรรถ กรรมการ เป็นจำเลยที่ 24 บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด จำเลยที่ 25 และบริษัท เจียเม้ง จำกัด จำเลยที่ 27 อีกรายละ 25,000 บาท
ส่วนการกระทำของ นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 23 เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษ 2 กระทง รวมจำคุกจำเลยที่ 23 จำนวน 8 ปี และปรับ 50,000 บาท โดยที่พฤติการณ์ของกลุ่มโรงสี จำเลยที่ 23, 26, 28 นั้น เห็นสมควรให้รอลงอาญาไว้คนละ 3 ปี
นอกจากนี้ยังให้กลุ่มโรงสีจำเลยที่ 22-23 ชดใช้เงิน 27 ล้านบาทให้กับกระทรวงคลัง จำเลยที่ 25-26 ร่วมกันชำระเงิน 15 ล้านบาท และจำเลยที่ 27-28 ให้ร่วมกันชดใช้เงิน 55 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ได้มีการกำหนดในคำพิพากษานี้ตามที่อัยการสูงสุด ก็คือโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษา
ทั้งนี้ผลจากคดี โจทก์เป็นผู้ยื่นเพิ่มโทษจำเลย ในคดีนี้ทั้งหมด รวมทั้งผู้ที่ศาลเคยยกฟ้อง
โดยองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของจำเลยแต่ละคนตามคำพิพากษาแล้ว พร้อมออกคำบังคับการชดใช้ค่าเสียหายในส่วนแพ่งให้กับกระทรวงการคลังตามคำพิพากษาด้วย
นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชาย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายบุญทรง ค่อนข้างช็อคกับผลคำพิพากษา เพราะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน แต่ยอมรับคำตัดสินของศาล