จากความสำเร็จในภาคแรกของ ภาพยนตร์ 'PRESENT PERFECT แค่นี้ก็ดีแล้ว' ที่ได้รับรางวัล “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” จากเทศกาลภาพยนตร์ความหลากหลายทางเพศ ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์ และมีโอกาสไปฉายตามเทศกาลต่างๆมากกว่า 10 ประเทศ รวมทั้ง ยังติดอันดับภาพยนตร์ขายดีบนเว็บไซต์ streaming ที่โด่งดังอย่าง Amazon และ Filmdoo จนมียอดคนดูกว่า 2 ล้านคนทั่วโลก และมีการเรียกร้องให้สร้างภาคต่อจากบรรดาผู้ชม
หากแต่งบประมาณที่ผู้เขียนบทและกำกับ 'อาม อนุสรณ์ สร้อยสงิม' ตามหาสปอนเซอร์ต่างๆ กลับไม่เป็นผล เพราะด้วยชื่อว่าเป็น 'หนังอิสระ' ทำให้เขาโพสต์บอกแฟนหนังว่า อยากทำภาคต่อ แต่ไม่มีทุนสร้าง จนเกิดการระดมทุนของกลุ่มแฟนคลับจากนานาชาติ ที่ได้ยอดสูงถึง 6-7 แสนบาท ส่งมอบให้เขาสร้างเรื่องราวความรักของ โอ๊ตและเต้ยได้ต่อ ใน 'Present Still Perfect : แค่นี้ก็ดีแล้ว 2'
อาม อนุสรณ์ เปิดเผยกับทีมข่าววอยซ์ออนไลน์ ในการฉายภาพยนตร์ 'Present Still Perfect : แค่นี้ก็ดีแล้ว 2' รอบสื่อมวลชน ว่า กระแสจากภาคแรกที่ทิ้งปมคนดูให้คิดต่อ ทำให้เกิดพลังแฟนคลับ รวมตัวระดมทุนได้กว่า 6 - 7 แสนบาท ก่อกำเนิดเป็นนายทุนกลุ่มแรก ตามด้วย นายทุนไต้หวัน ที่ซื้อภาพยนตร์ทันทีเมื่อทราบว่าทีมงานเตรียมทำภาค 2
"แฟนๆ ที่ระดมทุน มาจากหลายประเทศมาก ทั้งจากเยอรมัน อเมริกา มากสุดคือ 5 แสนบาท เขาบอกว่า เขาไม่สามารถมูฟออนจากหนังเราได้ เขาตกอยู่ในสภาวะนั้นอยู่ เขาไม่กล้าที่จะเลือก เขาไม่รู้ว่าจะยังไง ช่วยหน่อยได้ไหม ขอร้องเถอะ แล้วเขาก็โอนเงินมาให้ นั่นก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้นักทำหนังอิสระในปัจจุบันมีโอกาสมากขึ้น ตามจริงแล้วหนังนอกกระแส และผู้กำกับที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงอย่างผม อาจจะยากในการขอทุนจากไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่คิดเหมือนกันว่าหนังเรามีอิมแพกต์ต่อความรู้สึกของใครบางคนขนาดนั้น เป็นความรู้สึกที่แอบดีใจ แต่ก็แอบเสียใจเหมือนกันที่ทำให้เขารู้สึกมูฟออนไม่ได้"
"เราอยากทำภาค 2 นะ เรามีเนื้อเรื่องมีทุกอย่าง แต่เราไม่มีเงินทุน ไปขอสปอนเซอร์ทั่วไทย ไม่มีใครให้ เพราะว่า หนังเราเป็นหนังนอกกระแส แต่เราอยากเป็นหนังในกระแสมากเลยนะ จนทำให้เราไม่มีโอกาสได้ขอทุน แค่เราโทรไปมาจากบริษัทเขาก็ไม่ฟังแล้ว ต้องเป็นบริษัทใหญ่ที่มีแบ็กอัพเท่านั้น"
ทั้งๆ ที่ ภาคแรกประสบความสำเร็จมาก แต่การถูกปิดกั้นทางความคิดทำให้นายทุนมองภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเพียง 'หนังเกย์' อาม อนุสรณ์ ยังเล่าเสริมว่า "คนไทยยังมองหนังเป็นหนังเฉพาะกลุ่มอยู่ ไม่ได้มองว่าหนังมันคือหนัง ที่ดูได้กันหมด อย่างเช่น บอกว่านี่เป็นหนังอิสระ เขาก็จะตีกรอบว่าเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม เหมือนเรื่องนี้ คนก็จะมองว่าเฉพาะกลุ่ม กลุ่มสาววาย กลุ่มเกย์ แต่ที่จริงมันคือหนังรักเรื่องหนึ่ง ที่ทุกคนดูได้ และทุกคนสามารถสัมผัสมันได้"
แม้ภาค 2 จะได้ทุนจากแฟนคลับ แต่เนื้อหานั้น ไม่ได้ทำเพื่อตอบสนองแฟนคลับ อาม อนุสรณ์ ย้ำ
"เรารักแฟนคลับเราตรงที่ว่า แฟนคลับให้พื้นที่กับเราเยอะมาก เขาไม่อยากรู้อะไรเลย เขาไม่ต้องการรู้บท ไม่อยากรู้อะไรเลย ตอนที่ประกาศออกไป ผมไม่ได้มีอะไรไปการันตีเขา แต่เขาเชื่อใจโดยการที่เขาอยากดูจริงๆ และเขาก็บอกว่า ไม่ว่าหนังเรื่องนี้จะจบยังไง แต่ขอให้มันมีภาค 2 เถอะ ขอให้มันมีเรื่องราวต่อไป เขาอยากดูการเดินทางของโอ๊ต และเต้ยต่อ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกภูมิใจและดีใจมาก ที่เราสร้างตัวละคร 2 ตัวนี้ขึ้นมา แล้วมีคนติดตามเรา แม้ว่าจะเป็นคนกลุ่มเล็กๆ แต่มันอิมแพกต์ต่อเขามาก"
ภาพยนตร์ 'Present Still Perfect : แค่นี้ก็ดีแล้ว 2' ตั้งใจสื่อความหมายกับผู้ชมว่า รักมันไม่มีกรอบ และมันไม่เป็นไรที่จะผิดพลาด ไม่เป็นไรที่เราจะรักใคร และความรัก มันก็คือ การครอบครองและการปลดปล่อย เช่นเดียวกับการให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาด เป็นเรื่องที่โอเค ทุกคนมีการให้อภัย เรื่องนี้มีเรื่องศีลธรรมเข้ามาด้วย บางทีภูมิหลังของคน คนที่ทำผิดพลาด อย่างเช่น นอกใจแฟน มันเกิดอะไรขึ้นกับภูมิหลังชีวิตเขา ทำไมเขาถึงนอกใจ มนุษย์ยังมีเปลือกอีกเยอะ ที่เราต้องแกะออกมา แต่ว่าบางคนรีบตัดสิน เพราะคำว่าศีล 5 ศีลธรรมที่มันครอบเราอยู่
"ความรักชายรักชายมันก็คือความรัก ความรักมันไม่มีสีผิว ไม่มีพรมแดนประเทศ ไม่มีกำแพงกั้น มันคือความรู้สึก มองมนุษย์ด้วยความเป็นมนุษย์ที่มีความรักและความเมตตา และความเคารพสิทธิกันและกัน : อาม อนุสรณ์"
โดยภาคนี้ ยังคงใช้นักแสดงทีมเดิม อดิศร โทณะวณิก กับ กฤษณะ มฤคสนธิ กลับมารับบทเต้ยและโอ๊ต สมทบด้วย เรียวตะ โอมิ นักแสดงหนุ่มจากรายการ The Face Men พร้อมปรับเรื่องให้เข้าถึงคนดูมากขึ้น ด้วยความตั้งใจที่หนังเรื่องนี้สร้างให้คนไทยดู
อาม อนุสรณ์ ยังเล่าว่า "หลายครั้ง หนังหรือซีรีส์ของผมไปดังในต่างประเทศ คนต่างประเทศชื่นชอบ หรือแม้กระทั่งวันนี้ คนบินมาจากอเมริกา จากเยอรมัน เพื่อมาดูหนังเรา อยากให้คนไทยเมตตา นักทำหนังคนหนึ่งที่มีความฝัน ที่อยากจะทำหนังดีๆ และแบ่งปันผลงานให้คนไทยเอง"
ภาพยนตร์ 'Present Still Perfect : แค่นี้ก็ดีแล้ว 2' เป็นเรื่องราวที่สานต่อจากความรักในภาคแรก ที่โอ๊ตทิ้งเต้ยไปแต่งงาน โดยภาคนี้ หลังจากเวลาผ่านไป 4 ปี เต้ยได้พบกับโอ๊ตอีกครั้งที่สนามบิน เต้ยรู้สึกเจ็บปวดจึงได้หนีไปรักษาแผลใจที่เกาะกูด เขาได้พบกับเจน เจ้าของเกสต์เฮาส์ที่ต้องมาปวดใจกับสามีที่ไปมีเมียน้อย และเคนตะ หนุ่มญี่ปุ่นที่มาอาศัยอยู่เกสต์เฮาส์เดียวกัน ขณะที่เต้ยกำลังจะกลับมามีชีวิตที่ยิ้มได้อีกครั้ง ก็ได้รับข้อความจากโอ๊ต พูดถึงความคิดถึงที่มีต่อเต้ย สิ่งที่กักเก็บเอาไว้ในจิตใจของเต้ยจึงได้พรั่งพรูออกมา และในเช้าวันต่อมานั้นเอง โอ๊ตก็มาหาเต้ยที่เกาะกูด ทำให้ทั้งคู่ต้องเลือกระหว่างทำตามหัวใจของตัวเอง แต่ทำให้คนรอบข้างต้องเจ็บปวด หรือจะเลือกข้างความถูกต้องทางศีลธรรมที่ทำให้พวกเขาเจ็บปวด
กำกับและเขียนบทโดย อาม อนุสรณ์ สร้อยสงิม ภายใต้การอำนวยการผลิตของ Commetive Production โดยจะเข้าฉายในวันที่ 12 มีนาคม