สื่อของเกาหลีใต้รายงานอ้างอิงแถลงการณ์ ซึ่งออกมาในวันนี้ (7 มี.ค.) ของ คิมโยจอง น้องสาวผู้มีอำนาจของผู้นำเกาหลีเหนือ โดย คิมจองอึน ระบุว่า สหรัฐฯ วางแผนที่จะยิงทำลายขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ของเกาหลีเหนือ หากอาวุธดังกล่าวถูกทดสอบยิงไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรไม่เคยยิงทำลายขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งมักจะยิงด้วยองศามุมสูงชันเพื่อหลีกเลี่ยงประเทศเพื่อนบ้าน แต่คำถามดังกล่าวกลับนำมาซึ่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงครั้งใหม่ เนื่องจากเกาหลีเหนือระบุว่าว่า ตัวเองจะยิงขีปนาวุธทดสอบหันหน้าใส่ญี่ปุ่นให้มากขึ้นกว่าเดิม
คิมโยจอง กล่าวในแถลงการณ์ว่า ทางการเกาหลีเหนือจะมองว่าปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ต่อการทดสอบอาวุธทางยุทธศาสตร์ ถือเป็น "การประกาศสงคราม" ต่อเกาหลีเหนือ และ “มหาสมุทรแปซิฟิกไม่ได้เป็นของสหรัฐฯ หรือญี่ปุ่น” น้องสาวของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือกล่าว
คำขู่ของเกาหลีเหนือมีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ฟื้นฟู และเพิ่มขนาดการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกัน หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธจำนวนมากเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ สหรัฐฯ ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ในการซ้อมรบร่วมกับเครื่องบินรบของเกาหลีใต้เมื่อวันจันทร์ (6 มี.ค.) ซึ่งกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้กล่าวว่า การซ้อมรบร่วมดังกล่าวเป็นการแสดงแสนยานุภาพ ในการต่อต้านภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
กองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ กำลังเตรียมที่จะฟื้นฟูการซ้อมรบร่วมที่ใหญ่ที่สุดในปลายเดือนนี้ โดยการซ้อมรบร่วมนี้ เป็นการฝึกอบรมภาคสนามหรือที่รู้จักกันในชื่อ Warrior Shield FTX ซึ่งจะรวมถึงการซ้อมลงจอดสะเทินน้ำสะเทินบก และดำเนินการควบคู่ไปกับการซ้อมรบ Freedom Shield การฝึกอบรมการกำกับการคำสั่งคอมพิวเตอร์ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการป้องกัน และความสามารถในการตอบสนองทางการทหาร
ในแถลงการณ์ของคิมโยจองเตือนว่า เกาหลีเหนือพร้อมที่จะดำเนินการ “อย่างท่วมท้น” ต่อการฝึกซ้อมรบร่วมของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ “เราจับตาดูความเคลื่อนไหวทางทหารที่กระสับกระส่ายของกองกำลังสหรัฐฯ และกองทัพหุ่นเชิดของเกาหลีใต้ และเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพื่อดำเนินการที่เหมาะสม รวดเร็ว และรุนแรงได้ตลอดเวลา ตามดุลยพินิจของเรา” คิมโยจองกล่าว
น้องสาวของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือออกมาเตือนในหลายครั้ง โดยกล่าวถึงการปรากฏตัวของสหรัฐฯ ในคาบสมุทรเกาหลีที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เธอกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า “ความถี่ของการใช้มหาสมุทรแปซิฟิกเป็นพิสัยการยิงขึ้นอยู่กับ” กองทหารของสหรัฐฯ
ในแถลงการณ์ฉบับแยกจากกันในวันนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือเรียกเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ของสหรัฐฯ ที่ขึ้นบิน ว่าเป็นการยั่วยุโดยประมาท ซึ่งผลักดันสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีให้ “จมลึกลงไปในหล่มลึก” พร้อมระบุว่า “ไม่มีการรับประกันว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งทางกายภาพที่รุนแรง” หากการยั่วยุทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ยังคงดำเนินต่อไป
ปัจจุบันนี้ มีกองทหารสหรัฐฯ ประมาณ 28,500 นายประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ นับเป็นมรดกจากสงครามเกาหลีที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2493-2496 ซึ่งยุติลงด้วยการสงบศึก แทนที่จะเป็นการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพ ส่งผลให้ในทางเทคนิคแล้ว ทั้งสองประเทศยังคงตกอยู่ในภาวะสงครามด้วยกันทั้งคู่
ที่มา: