วันที่ 21 พ.ย. 2565 ที่พรรคชาติพัฒนากล้า กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดตัว วรนัยน์ วาณิชกะ อดีตหัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด ในฐานะหัวหน้าทีมคนรุ่นใหม่ พร้อมด้วยทีมคนรุ่นใหม่อีก 10 คน ได้แก่ ธาม สมุทรานนท์, ยศยา ชิยาปภารักษ์, พัสกร วรรณศิริกุล, วิเวียน จุลมนต์, กชพร คีรีโชติ, ทิพวัลย์ วังมะนาว, ศราพงศ์ อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา, ดิเรก ขันฑพร และปรินต์ ทองปุสสะ เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรค
กรณ์ กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคอยากจะมาย้ำเหตุผลการตั้งพรรคตั้งแต่แรก คือ เป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย เนื่องจากมีหลายเรื่องที่ยังทำได้ไม่ดีพอ ซึ่งถ้าดูจากเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมจะพบว่ายังมีช่องทางที่ไม่เติบโต และพี่น้องประชาชนสัมผัสได้ว่าคุณภาพชีวิตไม่ดีขึ้น หรือจะเป็นความมั่นคงทางชีวิตที่อยู่ในวัยทำงาน และวัยสูงอายุ รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้สึกขาดโอกาส และความหวัง เป็นเหตุให้ประชาชนรอคอยโอกาสทางการเมืองผ่านการเลือกตั้ง
"คิดว่าหมดยุคแล้วที่จะมาหวังพึ่งอัศวินม้าขาวที่จะแก้ทุกเรื่องให้เรา ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยการทำงานร่วมกันเป็นทีม ทีมเท่านั้นจะขับเคลื่อนการแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน" กรณ์ กล่าว
กรณ์ กล่าวอีกว่า ทีมที่ว่าต้องมีปัจจัยรวมกัน มองว่ามี 4 ปัจจัย คือ หนึ่ง มีจินตนาการ มีอุดมการณ์ ความคิดความฝัน ความเข้าใจ เรื่องเทคโนโลยี เอาความเปลี่ยนแปลงมาทำประโยชน์ให้พี่น้องยังไง สองต้องมีประสบการณ์ในทางปฏิบัติ จากความคิด สู่ความฝัน บริหารความเสี่ยงยังไง สามมีความมุ่งมั่น เพราะการทำเรื่องยาก ต้องอาศัยความอดทนที่มาจากความมุ่งมั่น และสี่คือมีไฟมีกำลังแรง และเมื่อมอง 4 ปัจจัย จะเห็นว่า พรรคการเมืองที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต้องมี 4 ปัจจัยนี้ จิตนาการเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ ส่วนไฟคนทุกรุ่นมีได้ แต่ไฟที่ยังกระพือแรงอยู่ อยู่ในใจคนรุ่นใหม่ ส่วนประสบการณ์เป็นเรื่องการใช้เวลา ความมุ่งมั่นมีกันได้ทุกคน
โดยสรุป พรรคการเมืองที่จะนำพาประเทศไปสู่ที่ดีได้ ต้องผสมผสานทั้งประสบการณ์ คนรุ่นใหม่มีจินตนาการ และความมุ่งมั่น นี่คือ พื้นที่สร้างสรรค์และปลอดภัยของคนทุกวัยให้ทำงานร่วมกัน วันนี้ค่อนข้างภาคภูมิใจ และดีใจที่ได้เดินมาสู่จุดที่คิดว่า มีครบทั้ง 4 ปัจจัย พร้อมแก้ปัญหาบ้านเมือง สร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชน
ด้าน วรนัยน์ กล่าวว่า ตอนได้พูดคุยเรื่องการร่วมมือ ตนได้ถามกรณ์ว่า อยากจะทำอะไรให้ประเทศ กรณ์บอกว่า แก้ที่โครงสร้าง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเข้าใจกรณ์ผิด และพบว่า กรณ์ ซ้ายมาก ซึ่งตรงกับตนมาก คำถามต่อไป คำว่ากลางคืออะไร ซึ่งกลางไม่ใช่อะไรก็ได้ แต่กลางคือ เราต้องพาประชาชน 70 ล้านคน ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่ว่าคุณจะเสรีนิยม หรืออนุรักษนิยม นั่นคือ จุดยืนกลางซ้าย หรือ Center Left
กรณ์ กล่าวอีกว่า การแก้โครงสร้าง อันแรก สิ่งที่พูดมาตั้งนานคือ เลือกตั้งผู้ว่าฯ การได้เลือกตั้งที่กทม. มันคืออภิสิทธิ์ ต้องให้สิทธิประชาชนทุกคนในแต่ละจังหวัด ซึ่งจะนำร่องที่ จ.ภูเก็ต และนโยบายต่อไปคือ 'คาสิโนเสรี' ซึ่งเศรษฐกิจไทยต้องพลิกโฉมหน้ามือเป็นหลังมือ สร้างโอกาสใหม่ ยกตัวอย่างเช่น รัฐลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ที่มีรายได้ 30% ต่อปี มาจากการพนัน และมันสามารถต่อยอดไปที่เศรษฐกิจอื่นๆ รอบๆ ได้
ต่อมาคือนโยบาย ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นกระบวนการของการเมืองระหว่างประเทศที่จะส่งออกวัฒนธรรมร่วมสมัย เพื่อต่อยอดในแบรนด์เศรษฐกิจ และนำมาสถานะของประเทศนั้น โดยจะเสรอวัฒนธรรม LGBTQ+ ที่เรามีอยู่แล้วซึ่งร่วมสมัย และนำสมัย พบว่า ซีรีย์วายดังทั่วเอเชียมาจากประเทศไทย ซึ่งไม่ว่าจะสังคมไหนก็แล้วแต่สามารถต่อยอดแบรนด์ทางเศรษฐกิจ จะนำมาซึ่งสถานะของประเทศที่ยืนยันเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และทุกอย่างต้องขับเคลื่อนด้วยภาครัฐ
วรนัยน์ เสนออีกว่า จะทำโปรเจค 'My Life My Goal' กับคนรุ่นใหม่ คนจบมหาวิทยาลัย หรือ First Jobber เพื่อสร้างโอกาส และความหวัง โดยจะไปลงมือทำ และพูด เพราะนั่นคือชีวิตของคุณ ประเทศของคุณ จุดเป้าหมายของคุณเป็นของทุกคนไม่ใช่กลุ่มคนผู้นำ
เมื่อถามว่า วรนัยน์ จะลงเข้าร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนากล้าในตำแหน่งใด กรณ์ ตอบว่า ไม่ได้มองว่าเป็นกรรมการบริหารพรรค โดยตอนแรกที่มีการพูดคุยกัน ตนก็ได้ถาม วรนัยน์ ว่า จะเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคหรือไม่ แต่ทั้งนี้ก็อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะลงสมัครเป็น ส.ส.เขต หรือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ด้าน วรนัยน์ เสริมต่อว่า เป็นการสร้างขั้วการเมืองแบบใหม่ และสามารถมาร่วมงานกันได้ หากมีจุดยืนอุดมการณ์แบบใหม่ แต่ทั้งนี้ตนก็รู้สึกเสียดาย และเสียใจที่ไม่ได้ทำพรรครวมไทยยูไนเต็ดต่อ เพราะตนก่อตั้ง และทำงานมาเลือดตาแทบกระเด็น แต่ในความคิด ตนไม่ได้ทำงานเพื่อพรรค แต่ทำงานเพื่อประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อ วรนัยน์ มาเสริมทัพพรรคชาติพัฒนากล้า คาดหวังจะได้ที่นั่ง ส.ส. ในสภาเพิ่มขึ้นหรือไม่ กรณ์ ตอบว่า เป็นพรรคที่เข้มแข็งขึ้น และชัดเจนในเรื่องอุดมการณ์ และแนวโน้มโอกาสความคิดความตั้งใจไปสู่ประชาชนในวงกว้างน่าจะเป็นประโยชน์ ส่วนเป้าหมายของ ส.ส.นั้น ไม่สามารถตอบได้ เพราะส่งผู้สมัครเกิน 100 เขต แต่ท้ายที่สุดแล้วจะสามารถสื่อสาร และซื้อใจประชาชนให้เข้าใจแนวทางได้ และไม่ได้มองว่าต้องเป็นพรรคใหญ่ ถ้าหากการเป็นพรรคใหญ่ต้องลดความชัดเจน หรือขาดตัวตนไปก็ไม่คุ้ม