วันที่ 10 พ.ย. 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ หรือ นบข. เปิดเผยว่า ที่เร่งประชุมวันนี้ เนื่องจากจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติที่มี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ซึ่งการประชุมของคณะอนุกรรมการจะเป็นการขออนุมัติเงินชดเชยในการพัฒนาและบริหารคุณภาพข้าวให้กับชาวนาจำนวน 1,000 บาทต่อไร่ ซึ่งไม่เกิน 20 ไร่จำนวน 20,000 บาท ซึ่งแนวทางดังกล่าว จะต้องเร่งดำเนินการเพราะจะเสนอคณะรัฐมนตรี ในสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลัง โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้เตรียมงบประมาณวงเงินดังกล่าวไว้ให้แล้ว
ส่วนกรณี การซื้อ ข้าวเปลือก หอมมะลิความชื้นไม่เกิน 25% วงเงิน 12,000 บาทต่อตัน สามารถดำเนินการได้เลย
ส่วนการช่วยเหลือชาวนาในอนาคต หากพบว่าราคาข้าวมีการตกต่ำนั้น อยากจะขอบอกประชาชนว่ารัฐบาลเข้ามาในช่วง 2 เดือน ภายใต้กรอบที่ยังไม่สามารถใช้งบประมาณได้ ขณะนี้เป็นการใช้งบประมาณพรางไปก่อน และหลังฤดูเก็บเกี่ยวในปีนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมีมาตรการ พัฒนาคุณภาพข้าวในการที่จะ หาตลาดในการส่งออกเพื่อระบายข้าวให้ได้มากที่สุด ตนจึงเชื่อมั่นว่าในฤดูเก็บเกี่ยว ปี 66/67 จะไม่เกิดปัญหาเช่นนี้อีกซึ่ง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมทั้งกระทรวงการคลัง จะแก้ไขปัญหาให้กับชาวนาอย่างยั่งยืนต่อไป โดยตนมีการเล็งตลาดขายข้าวอื่นๆแล้วเช่นกันโดยในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ ตนจะเดินทางไปยังประเทศจีน ในการเจรจาเพื่อส่งสินค้าทางด้านการเกษตรหลายๆอย่างไป โดยจะไปทำพิธีสารในเรื่องของสินค้าเกษตรหลายๆอย่าง
ร.อ.ธรรมนัส ได้กล่าวถึงสถาบันทางการเกษตรกรในพื้นที่ ในการรับซื้อข้าวให้เป็นไปตามมติประชุมคณะรัฐมนตรี ให้รับซื้อในราคา 12,000 บาทต่อตัน ซึ่งในการประชุมคณะอนุกรรมการวันนี้ได้กำชับปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมทั้งอธิบดี กรมส่งเสริมสหกรณ์ว่า ต้องปฏิบัติตามมติครม.แต่หากสถาบันเกษตรกรใด ซื้อข้าวเปลือกในราคาที่ต่ำกว่านี้ ธ.ก.ส. จะมีมาตรการขั้นเด็ดขาด ดังนั้นอย่าซื้อราคาต่ำกว่านี้เป็นการเอาเปรียบชาวนา แต่ยังพบปัญหาที่จังหวัดพะเยา ซึ่งอาจจะเป็นการสื่อสารกันผิดเนื่องจากขณะนี้เป็นการซื้อข้าวสด
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาล 60 วัน ของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุมีรัฐมนตรีที่ผ่านเกณฑ์อยู่ 3 คน ซึ่งในนั้นคือ ร.อ.ธรรมนัส นั้นจะทำงานอย่างไรต่อไปนั้น โดยยืนยันว่า การทำงานในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่มีวันหยุด ในเรื่องการลงพื้นที่เพื่อนำปัญหาของประชาชน ท่าการเกษตรมาศึกษาและแก้ ปัญหาเป็นนโยบาย ซึ่งตนได้สั่งการไปยังปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งอธิบดีทุกกรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะต้องทำงานแบบบูรณาการผลงาน ก็จะเห็นหลังจากนี้เป็นต้นไป เพราะกรอบการทำงาน 60 วันที่ผ่านมา เป็นกรอบการทำงานโดยมีการวางแผน เพื่อเข้าสู่การปฏิบัติหลังวันที่ 15 ธันวาคมนี้ ในหลายๆเรื่อง และหลังวันที่ 15 มกราคม 2567 จะเดินหน้าแจกโฉนดที่ดินให้กับประชาชนที่อยู่ในเขต ปฏิรูปที่ดิน เพื่อการเกษตรรวมทั้งการช่วยเหลือแรงงานภายในอิสราเอลที่เดินทางกลับมา นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรและการระบายสินค้า ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ดังนั้นตนจะเริ่มทำงานกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ในการระบายสินค้า ทั้งนี้ตนมองว่าการลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรก็เป็นเรื่องที่สำคัญตั้งแต่ต้นน้ำกลางและปลายน้ำจะเห็นเป็นรูปธรรมหลัง 15 ธันวาคมนี้
เมื่อถามว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ ร.อ.ธรรมนัส ผ่านการประเมินการทำงานช่วง 60 วัน นั้น ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีการประชุมกัน ผู้บริหาร ทุกวันพุธ จะมีการประเมินการทำงานในรอบสัปดาห์ในรอบเดือนและรวมทั้งในรอบ 60 วัน ว่าได้ทำอะไร ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีคนอื่นๆก็เช่นกัน ตนมองว่าการเมืองก็คือการเมือง อย่างไรก็ตามการทำงานร่วมกันของรัฐมนตรีในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่มีปัญหา ในฐานะที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการ ได้เชิญรัฐมนตรีช่วยทั้งสองคนมาพูดคุย กรอบการทำงานว่าต้องทำงานอย่างไรภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญแต่รัฐมนตรีบางคน เป็นรัฐมนตรีใหม่อาจจะยังไม่ทราบกรอบการทำงาน แต่ตอนนี้เข้าใจกันหมดแล้วตนได้มอบงานให้แต่ละคนไปทำ และทำงานให้เต็มที่ซึ่งจะมีการประเมินการทำงานหรือ KPI เป็นไตรมาส ที่จะดูจากผลงาน