การต้อนรับประธานาธิบดีอินโดนีเซียในครั้งนี้ของประธานาธิบดีรัสเซีย เกิดขึ้นหลังจากที่สงครามในยูเครนดำเนินมาแล้วกว่า 4 เดือน ในขณะที่รัสเซียเองกำลังปักหมุดนโยบายต่างประเทศของตนเอง เข้าหาชาติต่างๆ ทั้งในเอเชียและแอฟริกามากยิ่งขึ้น หลังจากที่รัสเซียถูกชาติตะวันตกประกาศคว่ำบาตร
การเยือนรัสเซียในครั้งนี้ของวิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียพยายามเป็นตัวกลางในการประสานการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ในขณะที่อินโดนีเซียเองได้วนวาระกลับมาเป็นประธานการจัดการประชุม G20 อีกครั้งในบาหลี ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นในช่วงเดือน พ.ย.ที่จะถึงนี้ โดยปูตินยืนยันว่าตนจะเดินทางมาร่วมการประชุม ในขณะที่ชาติตะวันตกกดดันอินโดนีเซียไม่ให้เชิญรัสเซียเข้าร่วมการประชุม
ทั้งนี้ เซเลนสกีได้รับคำเชิญในฐานะแขกของวิโดโด เพื่อเข้าร่วมการประชุม G20 ด้วย แต่เซเลนสกีระบุว่า ตนจะพิจารณาการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะมีใครที่เดินทางไปเข่าร่วมบ้าง
“ผมได้ถ่ายทอดข้อความของประธานาธิบดีเซเลนสกีให้แก่ประธานาธิบดีปูติน” วิโดโดให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังจากการเข้าหารือกับทางปูตินที่มอสโก โดยประธานาธิบดีอินโดนีเซียระบุว่า ตนมี “ความพร้อม” ที่จะช่วยเป็นตัวกลางการเปิด “การติดต่อสื่อสาร” กันระหว่างผู้นำยูเครนและรัสเซีย อย่างไรก็ดี วิโดโดไม่ได้เปิดเผยข้อความในบันทึกของเซเลนสกีที่นำมามอบให้แก่ปูตินแต่อย่างใด
ก่อนหน้าการเยือนกรุงมอสโก วิโดโดได้เดินทางเยือนกรุงเคียฟของยูเครนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 มิ.ย.) นับเป็นการเดินทางเยือนสองชาติในโอกาสเดียวกันของผู้นำอินโดนีเซีย นับตั้งแต่รัสเซียเข้ารุกรานยูเครนเมื่อ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา “แม้ว่าสถานการณ์ภายนอกจะยังคงยากลำบาก มันยังจำเป็นที่เราจะต้องก้าวเดินไปข้างหน้าสู่การหาทางออกและการมีบทสนทนาแบบเปิด” วิโดโดกล่าว
ทั้งนี้ วิโดโดตั้งความหวังไว้ว่า อินโดนีเซียอยากให้ “สงครามจบลงในเร็ววัน” พร้อมขอร้องไปยังผู้นำอื่นๆ ทั่วโลกว่า “ผมเรียกร้องไปยังผู้นำโลกที่จะชุบชุจิตวิญญาณของการร่วมมือกัน” โดยปูตินได้กล่าวชื่นชนการเดินทางมาเยือนของวิโดโดว่าก่อให้เกิดการพูดคุยที่ “ออกดอกออกผล” พร้อมย้ำว่า “ผมเชื่อว่าข้อตกลงที่เราบรรลุกันในวันนี้ จะเสริมความแข็งแกร่งของการเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างรัสเซียและอินโดนีเซียมากขึ้น”
ที่มา: