นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับการอนุมัตินำเข้ามะพร้าว ภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า (AFTA) ว่า หลังจากที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชได้พิจารณาอนุมัติการนำเข้าเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการบริหารจัดการสินค้ามะพร้าวเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2562 ได้เห็นชอบให้ผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปมะพร้าวจำนวน 15 ราย นำเข้ามะพร้าวผลภายใต้กรอบ AFTA สำหรับเดือน พ.ย. - ธ.ค. 2562 ในปริมาณไม่เกิน 32,543 ตัน เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตภายในประเทศขาดแคลน และการนำเข้าจะต้องปฏิบัติตามประกาศกรมการค้าต่างประเทศอย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามนำมะพร้าวนำเข้าไปจ้างกะเทาะนอกโรงงาน ห้ามนำไปจำหน่ายจ่ายโอนภายในประเทศ ต้องรายงานบัญชีสมดุลแปรสภาพมะพร้าวผลเป็นเนื้อมะพร้าวขาว และนำเข้าได้เพียง 2 ด่านเท่านั้น คือ ด่านศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ และด่านศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น
พร้อมยืนยันว่า การนำเข้ามะพร้าวปริมาณดังกล่าวไม่มีผลผลกระทบต่อราคามะพร้าวภายในประเทศ เพราะผลผลิตในประเทศมีไม่เพียงพอและยังมีมาตรการคุมเข้มและติดตามมะพร้าวที่นำเข้าอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ กรมฯ จะออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วนตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (แบบ ต.2) เพื่อประกอบการนำเข้าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด และจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลและตรวจสอบการนำเข้ามะพร้าวภายใต้กรอบ AFTA สำหรับปี 2562 ในช่วง 20 วันที่เหลือหรือภายในสิ้นเดือน ธ.ค. 2562 นี้ให้เป็นไปตามมาตรการที่กรมการค้าต่างประเทศกำหนดอย่างเข้มงวด หากพบว่าผู้ประกอบการรายใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด กรมฯ จะพิจารณาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการใช้มาตรการนำเข้าที่เข้มงวดส่งผลให้ราคามะพร้าวผลในประเทศในปัจจุบันขยับตัวสูงขึ้น โดยราคามะพร้าวผลใหญ่ที่เกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขายได้ ณ วันที่ 11 ธ.ค. 2562 อยู่ที่ 22–23 บาทต่อผล และผลกลาง 11–14 บาทต่อผล เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่ผลใหญ่ขายได้เพียง 6–7 บาทต่อผลและผลกลาง 3–4 บาทต่อผลเท่านั้น