กรณีพิพาทระหว่าง รัชนก สุวรรณเกตุ หรือ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น กับ เกริกพล เพชรรัตน์ หรือ เก้า เกริกพล นักร้องหนุ่มวัย 17 ปี ชาวพัทลุง ที่สร้างชื่อจากรายการ The Voice Kids Thailand ซีซั่น 5 ยังเป็นดรามาบานปลาย
หลังจากนักร้องสาวชื่อดัง ไลฟ์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่าไม่ได้โกงเงินค่าตัวนักร้องหนุ่ม พร้อมยันว่า ผลประโยชน์ส่วนแบ่งรายได้เพลงเลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว 70% ต่อ 30% ที่เคยบอกเก้าไปนั้น ไม่ใช่สัญญาใจ แต่เป็นข้อเสนอหากยอมมาเป็นศิลปินค่ายได้หมดถ้าสดชื่น
ล่าสุด เก้า เกริกพล พร้อมด้วยคุณพ่อ ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโหนกระแส ออกอากาศทางช่อง 3 ระบุว่า เรื่องที่เจนนี่บอกว่า ถ้าตนไปเป็นศิลปินในสังกัด ถึงจะให้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ 30% แต่เมื่อตนไม่ไปเป็นศิลปินในค่ายจึงไม่ให้ ยืนยันไม่ได้มีการพูดกัน เพราะตอนนั้นยังไม่มีค่ายได้หมดถ้าสดชื่น
อีกฝ่ายมาทาบทามตนไปเป็นศิลปินตอนที่เพลงเลิกคุยทั้งอำเภอฯ ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางแล้ว และกำลังจะก่อตั้งค่ายเพลง ช่วงนั้นตนโทรไปแสดงความยินดี เมื่อเพลงเลิกคุยทั้งอำเภอฯ มียอดวิวยูทูบกว่า 10 ล้านวิว และแสดงความเชื่อมั่นว่าเพลงนี้จะทะลุ 100 ล้านวิวแน่นอน ซึ่งอีกฝ่ายบอกว่าเพลงนี้ไม่ใช่ของตน เป็นของ ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ถ้าอยากได้รายได้ตรงนี้ ต้องมาเซ็นสัญญาแล้วรับส่วนแบ่งเพลงต่อไป
"ตอนนั้นผมอยู่กับพ่อติ๊ก ชิโร่ มีสัญญาใจกันแล้ว ผมมีสัญญาใจเรื่องเดอะวอยซ์คิดส์ ติดต่อเป็นปี ก็บอกแล้วว่าผมจะไป ตอนที่เพลงดังผมก็ยังไปอยู่กับพ่อติ๊กเลย ตอนนั้นพ่อติ๊กบอกผมแล้วว่าเพลงดังแล้วนะ น่าจะจดอะไรไว้สักนิด ผมก็ไม่ได้เชื่อตรงนั้น พ่อติ๊กบอกว่าเดี๋ยวจะมีปัญหาตามหลังมา แล้วก็เป็นจริงๆ"
ช่วงหนึ่งของรายการพิธีกรถามพ่อนักร้องหนุ่มถึงเรื่องการติดต่อกับเจนนี่ ภายหลังเพลงที่ลูกชายร่วมฟีเจอริงกับลิลลี่มีกระแสตอบรับดีเยี่ยม พ่อนักร้องหนุ่มตอบว่า เกิดจากการที่อีกฝ่ายหายเงียบไป ไม่ติดต่อกับครอบครัวตนเป็นเดือน หลังจากเพลงเลิกคุยทั้งอำเภอฯ มียอดวิวยูทูบ 100 กว่าล้านวิว
"พ่อติดต่อไปตั้งแต่โปรโมตเพลงในรายการทีวี พอโปรโมตเสร็จก็ไม่มีออกทีวีแล้ว หลังจากนั้นเจนนี่ก็เงียบหายไปเลย ไม่ติดต่อครอบครัว เป็นเดือนกว่าเพลงเข้าไปร้อยกว่าล้านวิว ไม่โทรศัพท์ ไม่ติดต่อ หายไปนานแล้ว ก็เลยโทรกลับไป"
"ก็โทรถามว่าเจนนี่ ยอดวิวไปตั้งร้อยกว่าล้าน ไม่คิดถึงน้องเก้าบ้างเหรอ ก็พูดเรื่องน้ำใจสำคัญ ประมาณนี้ น้ำใจสำคัญมากกว่าทรัพย์สินเงินทองประมาณนั้น เขาก็ตอบกลับมาว่าพ่อจะเอาเท่าไหร่ เขาหมายถึงพ่อทวงเงิน เจตนาพ่อต้องการสื่อให้เขารู้ว่าคุณเงียบไปมันเป็นยังไง แค่สื่อตรงนั้น ในส่วนรายได้ ไม่ได้อยู่กับแม่กับเก้า พ่อก็เลยไม่มีส่วนตรงนั้น"
"หลังจากนั้นผมรู้เลยว่าถ้าเราไม่โทรไป เขาจะคิดถึงผมไหม ถ้าเราไม่ติดต่อไป หลังพ่อโทรเสร็จ เขาก็เขียนมาเลย เหมือนเรียงความว่า ขอบคุณน้องสำหรับเพลง 100 ล้านวิว พี่โอนค่าตัวเพิ่มนะ 2 หมื่น คุยกันเรื่องค่าตัว แต่ผมรู้เลยว่าถ้าพี่เขาให้ด้วยใจ เขาต้องคิดได้นานแล้วโดยที่เราไม่ต้องโทรไปบอก ไม่ต้องให้เราโทรไปบอกว่าน้ำใจคนเรามันยังไง"
ด้าน เก้า เกริกพล พูดถึงเรื่องเงิน 20,000 บาท ที่เจนนี่โอนมาให้เพิ่มเติมว่า เมื่อรู้สึกเป็นการให้ที่ไม่ได้ให้ด้วยใจ ตามสัญญาที่ให้ไว้ จึงโอนกลับคืนไป ส่วนผลประโยชน์ส่วนแบ่งรายได้ 30% วันนี้ไม่ต้องการแล้ว
"ตอนนี้ผมไม่ต้องการแล้ว เพราะเราเคลียร์กันไปแล้ว ก่อนหน้านั้นจบไปแล้ว เราได้ยื่นเอกสารไป พี่เขาได้เซ็นรับแล้ว แต่ก็เมิน หลังจากนั้นก็จบไปเป็นปีเลย"
เมื่อพิธีกรถามว่า ตอนนี้หากอีกฝ่ายเอาเงินก้อนมาเคลียร์ ให้ 1 ล้านบาทจบไหม "ไม่ครับ ผมอยากให้พี่เขาพูดความจริงเท่านั้น" เก้า เกริกพล ตอบ
"ให้เขายอมรับให้หมดเลยว่าที่ผมพูดมามันคือความจริงทั้งหมด เพราะหลังไมค์ให้ผู้ใหญ่ฝั่งเขาโทรมาเคลียร์กับฝั่งผมด้วย แต่สิ่งที่เขาอยากจะเคลียร์กับสิ่งที่เขาโพสต์และสิ่งที่เขาเมนต์ เขาไม่ต้องการจะเคลียร์ ผมก็แล้วแต่เลย"
ท้ายรายการพิธีกรถามย้ำถ้าเคลียร์หลังบ้านจบได้ไหม
"มันไปไกลแล้ว วันก่อนพี่ไลฟ์สดคนดูตั้ง 6 แสน แต่พี่ก็ยังไม่ยอมรับความจริง อยากให้ออกมายอมรับความจริงว่าสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดคือความจริงทั้งหมด" นักร้องหนุ่มยืนยัน "อยากให้ออกมาพูดความจริงทุกเรื่อง ถ้าวันก่อนได้ไลฟ์สด พูดความจริงทั้งหมด และยอมรับ รับผิดชอบในส่วนที่ผิดไปก็จบไปนานแล้ว แต่พี่มาพูดอย่างนี้ก็ต้องยาวไปอีก แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ผมก็ต้องปรึกษาผู้ใหญ่ว่าเขาต้องการยังไง ส่วนตรงนี้ผมไม่สามารถตัดสินใจได้"
ก่อนจบรายการพิธีกรถามว่าตอนนี้สดชื่นไหม "ตอนนี้ไม่สดชื่นครับ" เก้า เกริกพล ตอบพลางหัวเราะ
"ผมอยากขอบคุณผู้ใหญ่ที่ยื่นมื่อเข้ามาช่วยผมด้วย แต่ผมไม่ได้รับตรงนั้น เพราะผมไม่ได้ต้องการเงินอะไรตรงนั้น เพราะผมได้อยู่กับค่ายพี่ติ๊ก ชิโร่อยู่แล้ว ขอบคุณทุกกำลังใจที่เขามาซัพพอร์ตผมครับ ขอบคุณมากๆ ครับ"