สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ออกแถลงการณ์เรื่องการเยียวยากรณีการนำเสนอข่าวเด็กหายและนำไปสู่คดีอาญา จากกรณีที่มีผู้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเด็กหญิงอายุ 14 ปี ในความปกครองของตนได้หายไปจากบ้านไปเป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ โดยไม่ทราบแหล่งที่อยู่ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามพร้อมทั้งนำชื่อ สกุลและภาพถ่ายของเด็กมาเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการติดตามตัวเด็ก ซึ่งต่อมาพบว่ามีผู้นำตัวเด็กไปในสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งพบตัวและมีการแจ้งข้อหาเป็นคดีอาญาดังที่ปรากฎเป็นข่าวไปแล้วนั้น
สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ในฐานะองค์กรของผู้ประกอบกิจการข่าวออนไลน์ภายใต้หลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพได้ประชุมหารือกันแล้ว มีมติให้ดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหลักจริยธรรมวิชาชีพ การคุ้มครองสิทธิเด็กและสิทธิที่จะถูกลืมของผู้เสียหายที่เป็นเด็กและเยาวชน ดังต่อไปนี้
1. ขอความร่วมมือองค์กรสมาชิกของสมาคม รวมถึงสื่อออนไลน์อื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคม ลบข่าวต่างๆ ที่ปรากฎชื่อ นามสกุล ตำบลที่อยู่ ชื่อโรงเรียน ชื่อผู้ปกครอง รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่สามารถทำให้สาธารณชนรวมถึงผู้เกี่ยวข้องต่างๆ สามารถทราบถึงอัตลักษณ์ของผู้เสียหาย ออกจากระบบฐานข้อมูลข่าวและพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทางขององค์กรสมาชิก เพื่อมิให้สามารถเข้าถึงได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ทางสมาคมได้ประสานงานกับบริษัทกูเกิล (Google) (ประเทศไทย) เพื่อดำเนินการลบข่าวดังกล่าวออกจากระบบข้อมูลสำรอง (Cache) สำหรับการสืบค้นแล้ว โดยทางบริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือด้วยดี
2. ขอความร่วมมือองค์กรสมาชิกของสมาคมรวมถึงสื่อออนไลน์อื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคม ยุติการนำเสนอข่าวดังกล่าวในประเด็นที่จะกระทบกระเทือนต่อจิตใจและการอยู่ร่วมในสังคมของผู้เสียหายและครอบครัวในระยะยาว และหากจำเป็นต้องเสนอข่าว ขอให้นำเสนอข่าวเฉพาะในส่วนที่เป็นความคืบหน้าทางคดีที่ได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น
สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความร่วมมือด้วยดีจากสมาชิกทุกองค์กรและพร้อมที่จะส่งเสริมการทำหน้าที่สื่อมวลชนตามกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ เคารพกฎหมาย ตลอดจนยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะหลักสิทธิเด็กและหลักสิทธิที่จะถูกลืมของผู้เสียหายโดยเคร่งครัดต่อไป
ขณะที่ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มีจดหมายเปิดผนึกต่อสื่อมวลชน เรื่องการใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวเยาวชนที่ถูกพรากไปโดยไม่มีเหตุอันควร โดยระบุว่า ขอเตือนมายังองค์กรสมาชิก และสื่อมวลชนอื่นๆ ให้ใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าว โดยยุติการเปิดเผยแพร่ภาพข่าว รูปพรรณสัณฐาน แหล่งที่อยู่และสถานศึกษาของเยาวชนที่ตกเป็นข่าว และแก้ไขข้อมูลการเผยแพร่และเนื้อหาข่าวที่ยังคงสามารถสืบค้นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ที่ทำให้สามารถทราบถึงอัตลักษณ์ของผู้ตกเป็นข่าว ซึ่งถือว่าเป็นผู้เสียหายจากการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายในคดีอาญา ที่ได้รับการคุ้มครองห้ามมิให้ผู้ใดหรือสื่อมวลชนโฆษณาหรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กและผู้ปกครองที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือ สิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก ตามที่บัญญัติในพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เพราะการเปิดเผยข้อมูลของเด็กหรือผู้ปกครองผ่านสื่อมวลชน จะทำให้โอกาสกลับคืนสู่สังคมของเด็กได้รับการกระทบกระเทือน แม้จะมีความพยายามปิดบังอำพรางใบหน้า แต่การนำเสนอข้อมูลข่าวโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่จะทำให้ข้อมูลของเด็กและครอบครัวถูกเปิดเผย อันจะส่งผลเสียหายต่อไปอีกยาวนาน โดยเฉพาะการสืบค้นข้อมูลย้อนหลังผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
ทั้ง 2 สภาฯ จึงขอความความร่วมมายังองค์กรสมาชิก และสื่อมวลชนอื่นให้ใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวดังกล่าว โดยยุติการเผยแพร่ภาพข่าว รูปพรรณสัณฐาน แหล่งที่อยู่และสถานศึกษาและครอบครัวที่ตกเป็นข่าว รวมถึงยุติการขุนคุ้ยเรื่องราวที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจเด็ก และผู้เกี่ยวข้องในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือใช้วิจารณญาณในการแก้ไขข้อมูลการเผยแพร่ภาพและเนื้อข่าวที่ยังคงสามารถสืบค้นย้อนหลังในระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพ และเพื่อให้เด็กและครอบครัวที่ตกเป็นข่าวได้กลับคืนสู่สังคมอย่างปกติสุขโดยเร็ว