นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องทำให้ยังคงมีปริมาณน้ำหลากไหลลงเขื่อนแก่งกระจาน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลล้นทางระบายน้ำสูง 33 เซนติเมตรลงสู่แม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำในเขื่อนแก่งกระจาน จะมีปริมาณน้ำล้น spill way สูงสุดในวันที่ 10 ส.ค. นี้
ส่วนเขื่อนเพชร คาดการณ์ว่าจะมีน้ำไหลรวมหน้าเขื่อนเพชรสูงสุดปริมาณ 230 - 250 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยจะทำการหน่วงน้ำหน้าเขื่อนและตัดระบบชลประทานฝั่งซ้าย - ฝั่งขวา และผันน้ำเข้าคลองระบายน้ำ D9 พร้อมทั้งระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเพชร จะทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอท่ายาง อำเภอบ้านลาด โดยไม่มีผลกระทบ และเมื่อไหลผ่านเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีจะทำให้มีน้ำเอ่อท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำริมตลิ่งและพื้นที่ชุมชน สูงเฉลี่ยประมาณ 30 - 50 เซนติเมตร ระยะเวลาท่วมขังไม่เกิน 10 วัน หากไม่มีปัจจัยอื่นๆ มาเสริมส่วนการเตรียมการช่วยเหลือและเร่งระบายน้ำในพื้นที่ จะมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดเสี่ยงที่อาจจะมีน้ำเอ่อเข้าท่วมพื้นที่และชุมชน จำนวน 31 เครื่อง พร้อมกับติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำในจุดที่มีการระบายน้ำได้ช้า
ด้านนางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า ทางจังหวัดได้ดำเนินการป้องกันตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยควบคู่กับการดำเนินงานของกรมชลประทาน นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า 2 สัปดาห์ จึงเชื่อมั่นว่าจะมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการรับสถานการณ์น้ำครั้งนี้