กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ได้ยื่นดำเนินการยึดทรัพย์ 330 ล้านดอลลาร์ (เกือบ 10,300 ล้านบาท) ในบัญชีของไคลด์แอนด์โค บริษัทกฎหมายชั้นนำในกรุงลอนดอนของอังกฤษ เนื่องจากอัยการกล่าวหาว่าเงินจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่มาจากกองทุน 1MDB
อัยการผู้เชี่ยวชาญด้านการปราบปรามการฟอกเงินได้ยื่นเอกสาร 300 หน้าต่อศาลแคลิฟอร์เนีย เพื่อให้ดำเนินการยึดทรัพย์บุคคลและบริษัทที่มีอิทธิพลจำนวนมากในตะวันออกกลาง รวมถึงซูเปอร์ยอชท์ "Topaz" (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น "A+") ซูเปอร์ยอทช์ที่แพงที่สุดในโลกมูลค่า 160 ล้านดอลลาร์ (เกือบ 5,000 ล้านบาท) ชื่อ ซึ่งจดทะเบียนในชื่อของชีค มานซัวร์ เจ้าของทีมฟุตบอลแมนซิตี้
นอกจากนี้ ยังมีการยื่นยึดเงินในบัญชีของไคลด์แอนด์โคเกี่ยวข้องกับโครงการน้ำมันของ PDVSA บริษัทของรัฐบาลเวเนซุเอลา ที่ร่วมทุนกับกองทุน 1MDB ของมาเลเซียและบริษัท PetroSaudi ของทาเร็ก โอเบด นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียร่วมกับราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย
อัยการของสหรัฐฯ กล่าวหาว่า โอเบดและการร่วมทุนระหว่าง 1MDB และ PetroSaudi เกี่ยวข้องกับเฟสแรกของการทุจริตเงินหลายพันล้านดอลลาร์ และได้ยื่นดำเนินการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับโอเบดไปแล้วตั้งแต่ปี 2017 โดยระบุว่า การร่วมทุนนี้ใช้เงินอย่างไม่เหมาะสมโดยใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์จากกองทุนรัฐบาลมาเลเซียในการซื้อเรือขุดเจาะน้ำมัน 2 ลำที่เป็น “ของมือสองและเก่ามาก” ก่อนที่จะได้ทำสัญญากับ PDVSA
ส่วนหนึ่งในสัญญากับ PDVSA ระบุว่า 1MDB และ PetroSaudi จะได้วงเงินสินเชื่อแบบมีหลักประกันประมาณ 300 ล้านดอลลาร์หรือราว 9,300 ล้านบาทจาก PDVSA แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่าง PDVSA และ PetroSaudi เป็นคดีความมาหลายปี จนอนุญาโตตุลาการตัดสินเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า PetroSaudi ชนะคดี
ระหว่างการดำเนินคดีนี้ อนุญาโตตุลาการสั่งให้นำเงินจำนวนนี้ไปใส่ไว้ในบัญชีของไคลด์แอนด์โค ซึ่งเป็นตัวกลางดูแลเงินและเป็นบริษัทกฎหมายฝั่ง PetroSaudi และจะจ่ายให้กับ PetroSaudi เมื่อชนะคดี
โฆษกของบริษัทไคลด์แอนด์โคยืนยันว่าบริษัท “วางตัวให้ตรงตามมาตรฐานทางวิชาชีพและจรรยาบรรณสูงสูด และจะยอมทำตามหน้าที่และตามกฎหมายทั้งหมด และเงินก้อนนี้ที่บริษัทถือไว้เป็นเพียงการทำหน้าที่ตัวกลางดูแลเงินในคดีระหว่าง PetroSaudi และ PDVSA เมื่อปี 2560 ตามคำสั่งของอนุญาโตตุลาการเท่านั้น
กองทุน 1MDB มีการทุจริตทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก และสั่นคลอนการเมืองมาเลเซียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังทำให้มีการสอบสวนการทุจริตจากกองทุนนี้แบบข้ามชาติหลายคดี
อัยการของสหรัฐฯ และมาเลเซียระบุว่า เงินประมาณ 4,500 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 140,000 ล้านบาทถูกไซฟอนออกจากกองทุน 1MDB ที่รัฐบาลมาเลเซียตั้งขึ้น และมีการฟอกเงินผ่านเครือข่ายธนาคารนอกประเทศ (offshore banks) และบริษัทที่ไม่ได้มีทรัพย์สินหรือกิจการเป็นของตัวเอง (shell companies) ให้ไปจ่ายสินบน ซื้ออสังหาริมทรัพย์หรู และให้ทุนภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่อง รวมถึง The Wolf of Wall Street
ก่อนหน้านี้ อัยการมาเลเซียตั้งข้อหาโอเบดว่าฟอกเงินและเกี่ยวข้องกับการสมคบคิดก่ออาชญากรรมที่เกรายวข้องกับนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่โอเบดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ที่มา : The Guardian, Sarawak Report, US Department of Justice