นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึง สถานการณ์ล่าสุดของการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ในส่วนของผู้ป่วยอาการหนัก 2 ราย ขณะนี้เสียชีวิต 1 รายเป็นชายไทยอายุ 35 ปี โดยผู้ป่วยรายนี้ ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ต่อมามีการติดเชื้อโควิด-19 ร่วมด้วย เป็นผู้ป่วยที่ถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลเอกชน เพื่อมารักษาที่สถาบันบำราศนราดูรทำการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่ดีที่สุด และตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา
ดังนั้น หลังจากนี้จึงต้องมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการวิชาการ ภายใต้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ เพื่อพิจารณาอีกครั้งว่าสาเหตุของการเสียชีวิตเกิดจากโควิด-19 หรือไม่ เพราะตลอดการรักษาระยะเวลาเกือบ 1 เดือนด้วยสภาพปอดที่เสื่อมแต่เดิม หัวใจและอวัยวะภายในทำงานหนัก ทำให้อวัยวะภายในหลายระบบล้มเหลว จึงทำให้เสียชีวิตในที่สุด
ส่วนผู้ป่วยหนักอีก 1 ราย มีการติดเชื้อวัณโรคด้วย ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 แล้ว ประมาณ 1 สัปดาห์ ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ มีผู้ป่วยยืนยันรักษาหายกลับบ้านได้เพิ่มอีก 2 ราย รายที่ 1 เป็นชายชาวจีนอายุ 33 ปี รายที่ 2 เป็นเด็กหญิงไทยอายุ 3 ขวบ ทั้งคู่รักษาอยู่สถาบันบำราศนราดูร
ดังนั้น โดยสรุปขณะนี้ (1 มี.ค. 2563) มีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 30 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 11 ราย เสียชีวิต 1 ราย ยอดผู้ป่วยสะสมในประเทศรวม 42 ราย
อีกด้านหนึ่ง หลังจากการประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ 14 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้แล้วในวันนี้ (1 มี.ค.2563) หากพบผู้ป่วยและมีผู้สงสัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อภายใน 3 ชั่วโมง หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: