คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ฝากคำถาม 3 ข้อ ไปยังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยความห่วงใยประชาชนคนไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สมัยนายกฯ ทักษิณ ที่รับผิดชอบควบคุมโรคระบาดซาร์ส และหวัดนกได้สำเร็จมาแล้ว ว่าขณะนี้มีการติดตามชาวจีนที่ติดค้างในประเทศไทยกว่า 10,000 คนอย่างไร เพราะปัญหาคือผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสามารถแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นได้แม้จะไม่แสดงอาการ อีกทั้งรัฐบาลได้คุมเข้มด่านต่างๆ ที่เข้าสู่ประเทศได้ครบถ้วนและรอบคอบแล้วหรือยัง และสุดท้าย มีการติดตามผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาตามระบบระบาดวิทยาแล้วหรือไม่
นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังบอกอีกว่า ตอนช่วงการแพร่ระบาดของโรคซาร์สนั้น ประเทศไทยไม่มีการปิดประเทศ แต่ใช้วิธีคัดกรองคนเข้าประเทศอย่างเข้มข้น ไม่ให้มีคนติดเชื้อเล็ดลอดเข้าประเทศได้ และในช่วงเวลานั้นเราก็ทำสำเร็จ จนได้รับยกย่องจาก WHO และทำให้นักเดินทางทั่วโลก เชื่อมั่นในมาตราการของไทย การท่องเที่ยวฟื้นได้เร็วมาก เพราะมาตราการที่เข้มข้นของ "รัฐบาลนายกฯ ทักษิณ" ทำให้คนทั่วโลกที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีความเชื่อมั่น
ในตอนท้าย คุณหญิงสุดารัตน์ ฝากด้วยว่า ชีวิตของคนไทยสำคัญที่สุด ไม่อยากให้ประชาชนบ่นว่า "รัฐบาลเฮงซวย" หรือ "นายกเฮงซวย" อีก
ข้อความทั้งหมดดังนี้
#ชีวิตคนไทยสำคัญที่สุด
ดิฉันขอพูดด้วยความห่วงใย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในสมัยรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ ผู้ที่เคยรับผิดชอบ ควบคุมโรคระบาดของโรคซาร์ส และหวัดนก ได้สำเร็จมาแล้ว จนประเทศไทยได้เป็นผู้นำจัดประชุมผู้นำอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาโรคซาร์สมาแล้ว
ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของ #ไวรัสโคโรนา มีผู้ติดเชื้อกว่า 5,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตในจีนกว่า 100 รายแล้ว ถือว่าเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
รวมทั้งในไทยเองก็พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากต่างประเทศเพิ่มเป็น 14 รายแล้ว (ณ วันที่ 28 มกราคม)
นายกฯ จึงควรยกระดับการดูแลปัญหาเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนาได้แล้ว
โดยเฉพาะข้อเรียกร้องที่ดิฉันเสนอให้ตั้ง #คณะกรรมการระดับชาติ ที่นายกฯ ลงมาดูแลปัญหานี้ด้วยตนเอง อย่างที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง และผู้นำประเทศอื่นๆ เขาทำกัน การระบาดขณะนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะคะ
ดิฉันมีข้อกังวลและห่วงใย ที่อยากจะเสนอต่อรัฐบาลโดยมีหลักคิดพื้นฐานว่า
“ชีวิตของประชาชนคนไทย มีความสำคัญที่สุด”
จุดสำคัญที่รัฐบาลต้องดูแล คือ
“คนจีน” จากพื้นที่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะนี้ยังตกค้างอยู่ในประเทศไทยอีกกว่า 10,000 คน ซึ่งปัญหาใหญ่ก็คือคนที่ได้รับเชื้อโคโรนา แม้ยังไม่ปรากฎอาการ ก็สามารถเป็นผู้เผยแพร่เชื้อติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้
#คำถามที่ต้องถามรัฐบาลคือ
1) เราได้ทราบหรือไม่? ว่าคนจีนที่ตกค้างกว่า 10,000 คนนี้อยู่ที่ไหนบ้าง อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัททัวร์ไหน จำนวนเท่าไหร่ และขณะนี้อยู่ที่ไหน มีการสัมผัสกับคนไทยมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งนักท่องเที่ยวแบบ F.I.Tด้วย
นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่รัฐบาลต้องให้ทุกหน่วยงานเข้าไปดูแลใกล้ชิด ทั้งการเฝ้าสังเกตอาการ ป้องกันการแพร่ระบาด รวมทั้งดูแลความเป็นอยู่ของคนเหล่านี้ เนื่องจากเขาไม่สามารถกลับประเทศจีนได้ในขณะนี้ เพราะประเทศจีนยังไม่อนุญาตให้เดินทางกลับ
เหตุผลเพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่สามารถแพร่ระบาดเชื้อไวรัสได้ แม้ขณะนี้จะยังไม่ได้แสดงอาการเจ็บป่วย
2) การคุมเข้มที่ด่านเข้าเมืองต่างๆ ทั้งทางเครื่องบินทุกสนามบิน และทุกเที่ยวบินที่มีเครื่องบินลงจากประเทศที่มีการระบาดของโรค รวมทั้งด่านทางบก ที่มีนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีการระบาดเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ต้องตรวจทุกคน รัฐบาลได้ทำครบถ้วนรอบครอบแล้วหรือยัง?
ในสมัยที่ดิฉันเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข
เราจะสกรีนผู้โดยสารจากเครื่องเทอร์โมสแกน และจัดเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาล สัมภาษณ์ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศเขตระบาดทุกคน
โดยที่ดิฉันและผู้บริหารของกระทรวงสาธารณะสุข จะเดินทางไปตรวจสถานการณ์ และไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกด่าน ทุกวัน
เรียกว่า ถึงแม้เราไม่ปิดประเทศ แต่เรา ”คัดกรองคนเข้าประเทศอย่างเข้มข้น“ ไม่ให้มีคนติดเชื้อเล็ดลอดเข้าประเทศได้เลย และในช่วงเวลานั้นเราก็ทำสำเร็จ จนได้รับยกย่องจาก WHO และทำให้นักเดินทางทั่วโลก เชื่อมั่นในมาตราการของไทย การท่องเที่ยวฟื้นได้เร็วมาก เพราะมาตราการที่เข้มข้นของ “รัฐบาลนายกฯทักษิณ” ทำให้คนทั่วโลกที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีความเชื่อมั่น
3) สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ ที่รักษาตัวอยู่ในไทย เราได้มีการติดตามผู้ที่เขาสัมผัส ทั่งคนไทย คนจีน ตามระบบระบาดวิทยา ดีแล้วหรือไม่? มีการ Quarantine ผู้ที่ผู้ป่วยสัมผัสครบถ้วนหรือไม่
ขอฝาก 3 คำถามถึงรัฐบาล ด้วยความห่วงใยในความปลอดภัยของคนไทย
ไม่อยากให้ประชาชนบ่นว่า #รัฐบาลเฮงซวย หรือ #นายกเฮงซวย เลยค่ะ
เพราะ #ชีวิตคนไทยสำคัญที่สุด