วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมและข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ว่าการเรียกร้องและการชุมนุมโดยสงบและไม่ไปก้าวข้ามเส้นของกฎหมาย เป็นเรื่องที่ทำได้อยู่แล้วและเป็นสิทธิของนักศึกษาและเยาวชนทุกคนที่มีหน้าที่ในการรักชาติ แต่ต้องระวังเรื่องการดำเนินการไม่ให้กระทบความเห็นจนนำไปสู่ความขัดแย้งใหม่ ขอให้ทุกฝ่ายต้องระวัง รวมถึงรัฐบาลในเรื่องการตอบโต้กับผู้ชุมนุม
สถานการณ์วันนี้มีความเห็นที่แตกออกเป็น 2 ขั้ว โดยเรื่องของข้อเรียกร้องสามารถแก้ไขได้ในกลไกของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งขณะนี้ก็มีแนวโน้มในการเปิดประชุมสภาในเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะคลี่คลายได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็จะเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการทำปฏิวัติรัฐประหาร จึงขอให้ใช้สติในการชุมนุมเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง
ส่วนเรื่องกรอบเวลานั้น ต้องยอมรับว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีกรอบเวลาที่ชัดเจน กลไกก็คือต้องทำประชามติ หากต้องแก้มาตรา 256 ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำงาน เป็นกลไกที่ถูกกำหนดไว้ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ถ้าจะแก้รายมาตราที่ไม่เกี่ยวกับหมวด 1, หมวด 2, และหมวด 15 ก็สามารถแก้ได้เลยในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งความสำคัญในการแก้ไขมีทั้งฝ่ายของประชาชน มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมถึงพรรคการเมือง และรัฐบาลที่มีความประสงค์ให้แก้ในประเด็นใด อีกทั้งสมาชิกวุฒิสภา ที่มีความสำคัญในการออกเสียงแก้ไขด้วยเช่นกัน ซึ่งการเห็นพ้องของทั้ง 4 กลุ่มมีความสำคัญมาก ดังนั้นจึงต้องมีพื้นที่ที่จะให้พูดคุยกัน แต่ทุกอย่างที่ต้องการจะไม่ได้มาในเวลาอันสั้น
ส่วนความคิดเห็นของ ส.ว.นั้นจะเป็นจุดเดือดอีกครั้งในอนาคตหรือไม่ ตนมองว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละฝ่าย แต่ต้องดูบรรยากาศและสถานการณ์ของประชาชนด้วย หากประชาชนเห็นพ้องต้องกันในทุกเรื่องจึงเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจของ ส.ว.เพื่อให้ ส.ว.เห็นความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนในการแก้ไข แต่ขณะนี้เห็นว่า ส.ว.ก็เห็นพ้องในการแก้ไขบางเรื่องในรัฐธรรมนูญแล้ว