สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนวันนี้ (17 มี.ค.) ลงคะแนนเสียงรองรับการเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 และเป็นประธานคณะกรรมการกองทัพจีนของนายสี จิ้นผิง ด้วยคะแนนเสียงทั้งหมด 2,970 เสียงและรับรองนายหวัง ฉีซาน เป็นรองประธานาธิบดีด้วยคะแนนเสียง 2,969 เสียง โดยมีผู้ไม่เห็นด้วย 1 เสียงเท่านั้น
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิิบดีจีน กล่าวในที่ประชุมหลังจากที่มีการโหวตรับรองวาระผู้นำทางการเมืองว่า "ข้าพเจ้าสาบานว่าจะซื่อสัตย์ต่อรัฐธรรมของสาธารณประชาธิปไตยประชาชนจีน และจะนำพาจีนไปสู่ความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจ ประชาธิปไตยและความศิวิไล"
ส่วนสำนักข่าว CNN รายงานว่า ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการบริหารประเทศของรัฐบาลจีนกำลังจะเกิดขึ้น หลังจากที่ประชุมสภาประชาชนจีนรับรองการประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญขยายวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี ด้วยคะแนนเสียง 2,958 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และไม่เห็นด้วย 2 เสียง
ส่งผลให้นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบัน สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้จนกว่าจะตัดสินใจพ้นจากตำแหน่งเอง โดยความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะครอบคลุมตั้งแต่การบริหารเงินงบประมาณด้านต่างๆ ของประเทศ ไปจนถึงมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความท้าทายอยู่มาก
แนวโน้มความเป็นไปของรัฐบาลจีนหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นตรงกันว่า นี่คือการปฏิวัติวิถีการบริหารประเทศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สมัยของนายเหมาเจ๋อตุงเมื่อช่วงศตวรรษที่ 1970 หรือในช่วงเวลาเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา
นางเรนา มิตเทอร์ ผู้อำนวยการศูนย์มหาวิทยาลัยจีน ประจำมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดให้สััมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN ว่า เป็นที่ชัดเจนดีอยู่แล้วว่าในช่วงหลายปีมานี้ นายสี จิ้นผิงพยายามอย่างยิ่งในการควบรวมอำนาจในด้านต่างๆ มารวมไว้ที่ตัวเอง แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ชาวจีนต้องการคือความชัดเจนว่ารัฐบาลจีนภายใต้การนำของนายสี จิ้นผิง จะเดินไปในแนวทางใดกันแน่ เพื่อการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้จะส่งผลกระทบน้อยที่สุด ต่อความเป็นไปของระบบเศรษฐกิจและการลงทุน ทั้งจากนักลงทุนชาวจีนและนักลงทุนต่างชาติ
นอกจากนี้ สำนักข่าวของรัฐบาลจีนยังระบุไว้ว่า แผนการบริหารประเทศรูปแบบใหม่จะมีการปรับลดขนาดองค์กรภาครัฐระดับกระทรวงลงอีกทั้งหมด 8 องค์กรด้วยกัน เพื่อจุดประสงค์ในการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้โครงสร้างการบริหารงานที่ลงตัวมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม นางมิตเทอร์ชี้ว่า ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาของการดำรงตำแหน่งของนายสี จิ้นผิงนั้น เขาได้พยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดอย่างการกำจัดคอร์รัปชั่นในคณะรัฐบาลและผู้บริหารประเทศระดับต่างๆ จนสั่งลงโทษและจำคุกนักการเมืองที่มีพฤติกรรมโกงกินบ้านเมืองไปแล้วหลายพันคน
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับภาคธุรกิจของประเทศจนดันอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศในปี 2560 ไปแตะที่ตัวเลขร้อยละ 6.7 พร้อมกับลดจำนวนคนจนในประเทศลงจาก 98.9 ล้านคน เหลือเพียง 30 ล้านคนในระยะเวลา 5 ปี
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ คือการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด ทั้งการสร้างแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศที่เห็นผลเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกผลักดันต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้นหลังจากนี้เป็นต้นไป
อ่านเพิ่มเติม :
จีนโหวตอนุญาตสีจิ้นผิงเป็นปธน.จีนอย่างไม่มีกำหนด
อนาคต 'สีจิ้นผิง' รั้งตำแหน่งผู้นำจีน ไม่มีกำหนดพ้นวาระ
หนังสารคดี สีจิ้นผิง สร้างเรตติ้งสูงสุดในจีน