คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยรายชื่อผู้กระทำผิด 6 ราย กรณีสร้างราคาหลักทรัพย์บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC ซึ่งได้ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยชำระค่าปรับทางแพ่งรวมกว่า 120 ล้านบาท ได้แก่ นายสาธิต รุ่งวัฒนภักดิ์, นายชวิน รุ่งวัฒนภักดิ์, นางสาวธัญภา เศวตศิลป, นางสาวโสรจ จันทราทิพย์, นางสาวอัยย์ริณ ตั้งพูลเจริญ และนางสาลิกา ตั้งพูลเจริญ
ทั้งนี้ ผู้กระทำความผิดที่เหลืออีก 6 ราย ได้ลงนามในบันทึกยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งและชำระค่าปรับทางแพ่งครบถ้วนแล้ว ดังนี้ (1) นายสาธิต ชำระ 57.97 ล้านบาท (2) นายชวิน ชำระ 57.97 ล้านบาท (3) นางสาวธัญภา ชำระ 5 แสนบาท (4) นางสาวโสรจ ชำระ 5 แสนบาท (5) นางสาวอัยย์ริณ ชำระ 5 แสนบาท และ (6) นางสาลิกา ชำระ 2.83 ล้านบาท ซึ่งเงินค่าปรับทางแพ่งเป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. จะนำส่งกระทรวงการคลังต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง มีมติให้ ก.ล.ต. บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดจำนวน 7 ราย กรณีสร้างราคาหลักทรัพย์ ABC ซึ่งผู้กระทำความผิด 1 ราย ได้ทำบันทึกยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งและชำระค่าปรับทางแพ่งแล้ว คือนายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์
โดยก่อนหน้านี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงตรวจสอบพบว่า ระหว่างวันที่ 22 พ.ค. -30 มิ.ย. 2557 หุ้น ABC มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาปิดเพิ่มสูงขึ้นจากหุ้นละ 2.38 บาท เป็นราคา 7.80 บาท ตลอดจนมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมาก โดยจากต้นปี 2557 ประมาณ 3 หมื่นหุ้นต่อวัน เป็นประมาณ 6 แสนกว่าหุ้นต่อวัน
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดจากกลุ่มบุคคล 7 รายข้างต้นได้มีการดำเนินการอย่างเป็นกระบวนการ โดยพบว่า นายสาธิตมีบทบาทเป็นแหล่งเงินผ่านนางสาวธัญภาไปให้นายปรเมษฐ์ซื้อหุ้น ABC และถือครองไว้แทนนายสาธิต ต่อมาใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวโสรจเคาะซื้อผลักดันราคาหุ้น ABC และในระหว่างนั้น นายปรเมษฐ์ได้ขายหุ้น ABC แบบ Big Lot ให้กับนายสาธิต นายชวิน นางสาวอัยย์ริณ และนางสาลิกา เป็นจำนวนมาก เพื่อให้ผู้ลงทุนทั่วไปเข้าใจว่าหุ้น ABC มีการซื้อหรือขายกันมาก และเมื่อมีผู้ลงทุนหลงผิดเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว กลุ่มบุคคลดังกล่าวก็ได้ขายหุ้นและทำกำไรจากส่วนต่างของราคาที่ปรับสูงขึ้น ทำให้มีผู้ลงทุนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
การกระทำของบุคคลทั้ง 7 รายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 243(1) ประกอบมาตรา 244 และมาตรา 243(2) และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่ใช้บังคับอยู่ขณะกระทำความผิด
อีกทั้ง ปัจจุบันการกระทำความผิดดังกล่าวยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 244/3 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) จึงมีมติให้ ก.ล.ต. ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 ราย ด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 7 ราย ชำระค่าปรับทางแพ่ง ซึ่งพิจารณาจากผลประโยชน์ที่ผู้กระทำความผิดแต่ละรายได้รับ และผู้กระทำความผิดรายนายปรเมษฐ์ได้ทำบันทึกยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งและชำระค่าปรับทางแพ่ง 500,000 บาทแล้ว
นอกจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ก.ล.ต. สั่งห้ามนายปรเมษฐ์เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 3 ปี ด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC เปลี่ยนชื่อเป็น 'บริษัท ดิจิตอลเทค แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน)' หรือ DIGI ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2560 เป็นต้นมา พร้อมกับเปลี่ยนประเภทอุตสาหกรรมจากอสังหาริมทรัพย์เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :