นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ องค์กรเพื่อความโปร่งใสประเทศไทยซึ่งเป็นภาคเอกชนของไทย ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกองค์กรความโปร่งใสนานาชาติ ว่า ในกรณีดังกล่าวเป็นลักษณะของภาคเอกชนที่ก่อตั้งขึ้นมาเอง และเข้าเป็นสมาชิกขององค์กรนานาชาติเอง ไม่มีสมาชิกของรัฐบาลอยู่ในองค์กรดังกล่าวเลยและรัฐบาลเองก็ไม่เคยไปยุ่ง เท่ากับว่ารัฐบาลไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ดังนั้น การถอนตัวออกจากสมาชิกองค์กรนานาชาติ ก็เป็นในนามของภาคเอกชน ไม่ใช่ในนามของประเทศไทย ทั้งนี้ การถอนตัวดังกล่าว เชื่อมั่นว่าไม่กระทบประเทศไทย และบทบาทความโปร่งใสของประเทศไทย
ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม. โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า ประเทศไทยเริ่มรายงานดัชนีความโปร่งใสขององค์กรความโปร่งใสนานาชาติ มาตั้งแต่ปี 2538 ตลอด 22ปี ที่ผ่านมา คะแนนความโปร่งใสไม่กระเตื้องขึ้น ไม่เคยได้คะแนนถึง 5 เต็ม 10 ที่ถือว่าสอบผ่านแบบคาบเส้นเลย
พร้อมกันนี้ยังตั้งข้อสงสัยว่า การที่ประเทศไทยถอนตัวจากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางข้อครหาเรื่องนาฬิกาหรูของตำแหน่งเบอร์ 2 ในรัฐบาล คสช. ดังนั้นย่อมทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ ว่าใครบางคนคงไม่ต้องการเห็นตัวเลขดัชนีความ ไม่โปร่งใสของประเทศไทยให้ระคายเคืองตาและเคืองใจใช่หรือไม่