พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจง กรณีแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะเดินเท้าจากหน้าองค์การสหประชาชาติ (UN) ไปยังสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ในวันที่ 7 มิ.ย. เพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ถูกดำเนินคดีจากการเรียกร้องเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21-22 พ.ค. ที่ผ่านมา สามารถกระทำได้หากไม่มีการรวมตัวและทำกิจกรรมทางการเมืองกันเกิน 5 คน หากฝ่าฝืน เจ้าฝ่ายหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงก็จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย และหากมีประชาชนมาร่วมด้วยก็ถือว่าขัดคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งรวมพลังประชาชาติไทย จะเดินเท้าไปเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นสมาชิกพรรคนั้น พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะ คสช. ยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม รวมถึงมวลชนที่จะมาร่วมเดินเท้า หากเกิน 5 คนก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม คสช. เตรียมจะหารือกับพรรคการเมืองเพื่อปลดล็อกทางการเมืองปลายเดือนมิ.ย. นี้
ปัด คสช.เอี่ยวดูด 54 อดีต ส.ส.ซบ พรรคพลังประชารัฐ
นอกจากนี้ พล.อ. ประวิตร ยังปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวการรวบรวมอดีต ส.ส. และส.ว. ร่วมพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 54 คน แม้ว่าพรรคดังกล่าวจะประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ แต่ตนไม่รู้จักพรรคนี้ ใครจะไปสนับสนุนใครก็เป็นเรื่องของเขา
ด้าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเรื่องปกติที่พรรคการเมืองจะมีการจัดตั้งพรรค ซึ่งเป็นไปตามกฏกติกา กกต. ซึ่งควรจะเปิดกว้าง สร้างการรับรู้ ไม่ควรมองเป็นปัญหา อีกทั้งไม่ใช้ตนต้องการให้ใครมาสนับสนุน ซึ่งมองว่าหากพรรคการเมืองใดมีเจตนารมณ์ ทำงานเพื่อประเทศอย่างเข้มแข็ง เดินหน้าปฏิรูปตามยุทธศาสตร์ชาติ ก็ควรสนับสนุน เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล พร้อมขอทุกฝ่ายอย่ามองว่าการตั้งพรรคบางพรรค เพื่อหนุนการทำงานของ คสช. แต่ คสช.ก็หนุนพรรคทั้งใหม่และเก่าที่มีเจตนารมณ์เดียวกัน สิ่งสำคัญอยู่ที่ประชาชน ผู้กาบัตรเลือกตั้ง เพราะตนเป็น ส.ส.ไม่ได้ การเลือกตั้งจึงเป็นกลไกลของรัฐธรรมนูญ ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ วันนี้เราต้องสร้างการรับรู้ร่วมกัน
ส่วนพรรคอนาคตใหม่ ถูกเจ้าหน้าที่ไปเตือนนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ถามกลับว่ากระทำผิดกฏหมายหรือไม่ ถ้าไม่ผิดก็คงไม่มีใครไปติดตาม แต่หากมีปัญหาก็มีคนไปแจ้งเตือน เพราะถ้าไม่เตือนก็ยังวิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อย และหากปล่อยให้วิจารณ์ก็จะหาว่ารัฐบาลไม่จริงจัง ซึ่งคนบางคนไม่ควรมีสิทธิพูดในโซเชียลมีเดียแล้ว เพราะมีคดีความ แต่ยังออกมาพูด ผิดกี่ครั้งบ้านเมืองเสียหายคนเดือดร้อนหรือไม่ กลายเป็นปัญหาต้องลี้ภัย แล้วจึงมีปัญหาการตามตัวกลับมา
ขณะที่พล.ท.ปิยวัฒน์ นาวานิช แม่ทัพภาค 4 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.กองทัพภาค 4) กล่าวถึงกรณีการตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปรึกษาพรรคฯ ว่า ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องดี เพราะถือว่าทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการ ตามกฎและระเบียบ ใครจะตั้งพรรคอะไรก็ตั้งไป แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถือว่าให้มาเล่นการเมืองข้างบน ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ดูแลได้ ถ้าใครอยากให้ทหารช่วยดูแลอย่างไร เราก็จะช่วยดูแลให้ทั้งหมด พร้อมทั้งย้ำว่าทหารจะเป็นกลางดูแลทุกพรรคการเมือง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง