พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานความคืบหน้าการพิสูจน์สัญชาติ การจัดทำและปรับปรุงทะเบียนประวัติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ระยะที่ 2 ณ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จทั่วประเทศ โดยล่าสุดแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาได้รับการพิสูจน์สัญชาติครบถ้วนแล้ว ส่วนกัมพูชายังคงเหลือที่ต้องเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติอีก 22,770 คน และลาว 5,614 คน ส่วนการจัดทำและปรับปรุงทะเบียนประวัติแรงงานต่างด้าว ตรวจลงตราวีซ่า และขออนุญาตทำงาน ณ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ระยะที่ 2 นั้น มีแรงงานที่คงเหลือจะต้องเข้าศูนย์ฯ อีกประมาณ 59,000 คน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าไม่ควรรอจนถึงวันสุดท้ายเพราะอาจไม่ทันเวลาหรือไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรหากมีผู้ไปติดต่อจำนวนมาก เพราะรัฐบาลจะไม่มีการผ่อนปรนหรือขยายเวลาอย่างแน่นอน หากพ้นวันที่ 30 มิ.ย. 2561 แล้วยังไม่ไปดำเนินการ แรงงานต่างด้าวจะไม่สามารถอยู่และทำงานต่อไปได้ โดยจะต้องกลับประเทศต้นทางและกลับเข้ามาใหม่ในรูปแบบการนำเข้าแรงงานตามระบบ MOU
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2561 เจ้าหน้าที่จะระดมกวาดล้างผู้กระทำผิดกฎหมายครั้งใหญ่ หากพบแรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษปรับ 5,000 – 50,000 บาท และเมื่อชำระค่าปรับแล้วจะถูกส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และห้ามขออนุญาตทำงานภายใน 2 ปี
ส่วนนายจ้างที่จ้างแรงงานต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษปรับ 10,000-100,000 บาทต่อแรงงานต่างด้าวที่จ้าง 1 คน หากกระทำผิดซ้ำต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :